คลังปิดหีบงบประมาณปี 2567 ไม่สนิท
• พิษบาทแข็งกดรายได้วูบ 5 พันล้านบาท
• ปลัดคลังชงกระตุ้นเศรษฐกิจรับปีใหม่
• มั่นใจดันจีดีพีปีขยายเป็นบวกแน่นอน
กระทรวงการคลังปิดหีบงบประมาณปี2567 ไม่สำเร็จ หลังบาทแข็งทำรายได้จากการเก็บภาษีแวต พลาดเป้า 4-5 พันล้านบาทในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ พร้อมเสนอนายกฯ ออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี-ต้อนรับปีใหม่
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2567 จัดเก็บรายได้ต่ำกว่า ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2567 ในเดือนก.ย. เงินบาทปรับตัวแข็งขึ้นมาเร็วมาก ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ทำให้รายได้จัดเก็บพลาดเป้าไปเล็กน้อย
“ผลการจัดเก็บในปีงบประมาณ 2567 ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย ในนาทีสุดท้าย ถือว่าทำได้ดีมากแล้วในทุก ๆ หน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บรายได้ เพราะเป็นผลมาจากปัจจัยที่นอกเหนือจากการควบคุม คืออัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริง ถ้าหากไม่มีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่นอกเหนือการควบคุม กระทรวงการคลังก็มั่นใจว่าการจดัเก็บจะเป็นไปตามเป้าหมายในเอกสารงบประมาณอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ วันที่ 31 ต.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมฯ และในขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจะรายงานภาพรวมมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดให้ทราบ ซึ่งขณะนี้ กำลังเร่งทำการบ้านกันอยู่ โดยมาตรการที่จะออกมาคงต้องดูภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปีว่า จำเป็นจะต้องมีมาตรการอะไรออกมากระตุ้นช่วงไหนบ้าง
ส่วนความคืบหน้าเรื่องกองทุนรวมวายุภักษ์นั้น ขณะนี้ กองทุนฯ กำลังทยอยลงทุนในโอกาสที่เหมาะสม โดยได้รับข้อมูลเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนว่า กองทุนฯ ได้ลงทุนในตลาดไปแล้วเกือบ 30% เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ตลาดทุนค่อนข้างดีแล้ว การลงทุนของกองทุนฯ จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนและการจัดสินใจของผู้จัดการกองทุนฯ กระทรวงการคลังเพียงได้รับรายงานเท่านั้น ไม่สามารถสั่งการใดๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การมีกองทุนฯ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะสามารถช่วงพยุงตลาดหุ้นได้
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ในวันที่ 31 ต.ค. นี้ จะมีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่กระทรวงการคลัง เพื่อหารือถึงแนวทางและกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี หลังจากที่รัฐบาลได้กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินสด 10,000 บาท เฟสแรกไปแล้วกับกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการอแห่งรัฐ และผู้พิการ ซึ่งจากการหารือนอกรอบกับนายกฯ ท่านเห็นว่า จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เพื่อช่วยรักษาโมเมนตัมของเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ และจะต้องไม่ปล่อยเวลาให้นานเกินไปหลังจากกระตุ้นเศรษฐกิจในเฟสแรก
“ได้คุยกับนายกฯ เบื้องต้นมองว่าจำเป็นต้องมีมาตรการอะไรออกมาสักอย่าง เพื่อเป็นกลไกในการสร้างการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เพื่อรักษาโมเมนตัมให้การกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อไป เพื่อผลัดดันจีดีพีให้ขยายตัวเกินกว่า 2.7%”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลังพร้อมถกแบงก์ชาติสัปดาห์หน้า
