คลัง ยัน แจกดิจิทัล วอลเล็ต ไม่มีล่ม
คลัง เผย เหตุเลื่อนกลุ่มคนไม่มีสมาร์ทโฟน และที่ลงทะเบียนทางรัฐ เนื่องจากต้องตรวจสอบรายชื่อกลับกลุ่มที่ถือบัตรคนจนและผู้พิการ ไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน คาดสุดท้าย มีประชาชนเข้าร่วมโครงการไม่เกิน 40 ล้านคน จากเดิม 45 ล้านคน ปลัดคลังยัน จำนวนคนลดลงประหยัดงบประมาณได้ 1 แสนล้านบาท
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 ก.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะนำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เพื่อผลักดันออกมาตราการโดยเร็วที่สุด โดยประชาชนกลุ่มแรกที่จะได้รับเงินคือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรจน และกลุ่มผู้พิการ มีประมาณ 14.5 ล้านคน ในช่วงระหว่างวันที่ 25 26 27 และ 30 ก.ย.
“ขอยืนยันว่า รัฐบาลมีเงินเพียงที่จะดำเนินโครงการนี้ ซึ่งวงเงินในงบประมาณปี2567 เตรียมไว้แล้ว 145,000 ล้านบาท และในปีงบประมาณ2568 อีก 180,000 ล้านบาท แต่กลุ่มที่ 2 ที่ลงทะเบียนเอาไว้กับทางรัฐ จะดำเนินการได้ หลังจากตรวจสอบชื่อเสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ หลังจากปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา มีประชาชนมาลงทะเบียน 36 ล้านคน และเมื่อหักออกจากกลุ่มที่มีชื่อซ้ำกันแล้ว จะเหลือประชาชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ ประมาณ 40 ล้านคน”
นายพิชัย กล่าวว่า จำนวนประชาชนที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนี้ มีมากในระดับหนึ่ง แต่ก็น้อยกว่าที่คาดการณ์ เพราะในตอนแรก ตัวเลขเบื้องต้นมีประมาณ 50 ล้านคน ปรับลดเหลือ 45 ล้านคน ซึ่งหลักจากปิดลงทะเบียนทางรัฐ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ไปแล้ว ตัวเลขจริงรวมทั้งหมด ไม่น่าเกิน 40 ล้านคน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง มีเงินเพียงพอที่จะดำเนินโครงการนี้ อย่างแน่นอน แต่ที่ต้องเลื่อนการลงทะเบียนกลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และเลื่อนการแจ้งสิทธิ์ประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านทางรัฐ จากที่ประกาศรายชื่อในวันที่ 22 ก.ย.นี้ เนื่องจาก รัฐบาลต้องการจัดคนกลุ่มแรกให้เสร็จเรียบร้อยคือ กลุ่มที่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ เพื่อป้องกันไม่ให้ชื่อซ้ำซ้อนกัน ไม่ใช่เรื่องรัฐบาลไม่มีเงินอย่างแน่นอน
ส่วนกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านทางรัฐ 36 ล้านคน ไม่สามารถตอบได้ว่า จะแจกเงินสด 5,000 บาทและอีก 5,000 บาทแจกเป็นดิจิทัล วอลเล็ต เพราะต้องรอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่าง ประเมินจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งคาดว่า ไม่เกิน 40 ล้านคน โดยนับรวมกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ที่มีจำนวนไม่เกิน 3 ล้านคนแล้ว คาดว่า จะช่วยประหยัดงบประมาณได้กว่า 100,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจากทราบตัวเลขการลงทะเบียนดังกล่าวแล้ว จะนำรายชื่อผู้ลงทะเบียนไปตรวจสอบสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด อาทิ อายุ รายได้ ไม่เคยเป็นผู้ทุจริตโครงการรัฐ โดยยืนยันว่า รัฐบาลต้องการเดินหน้าโครงการดิจิทัล เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี2567 ต่อเนื่องปี2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลัง เผย 25-26-27 และ 30 ก.ย.นี้ กดเงินสดได้เลย