สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 14 ส.ค. 67
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงราย (91 มม.) ภาคกลาง : จ.นครปฐม (55 มม.) ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช (55 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อุดรธานี (54 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (51 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (26 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคเหนือตอนบนยังคงมีฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 16 –18 ส.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 58% ของความจุเก็บกัก (46,352 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 38% (22,190 ล้าน ลบ.ม.)
3. แนวทางการบริหารจัดการน้ำ : เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 67 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดนครพนมว่า ตามที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและ สปป.ลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้มีฝนตกหนักใน สปป.ลาว
และในประเทศไทยเองก็มีฝนตกสะสมตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. 67 จนถึงปัจจุบัน ประกอบกับบริเวณที่ประสบอุทกภัยเป็นบริเวณที่เคยเกิดน้ำท่วมซ้ำซากตามธรรมชาติของระบบนิเวศของในพื้นที่เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ/ป่าบุ่งป่าทาม เป็นจุดบรรจบของลำน้ำอูนและแม่น้ำสงคราม ทำให้เกิดสภาวะน้ำแม่น้ำสงครามหนุนและเอ่อท่วมพื้นที่บริเวณ บ้านปากอูน หมู่ 4 และหมู่ 6 ต.ศรีสงคราม และบ้านท่าบ่อ หมู่ที่ 9 ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่ริมตลิ่งประมาณ 2,500 ไร่ และจากการสำรวจไม่พบพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ เนื่องจากขณะนี้ ระดับในแม่น้ำโขงยังสูงอยู่ ทำให้น้ำในลำน้ำอูนและแม่น้ำสงครามไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขงได้ จากการติดตามตรวจวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่สถานีนครพนมฝั่งประเทศไทย ปริมาณน้ำไหลผ่าน 19,447 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปกติ และระดับน้ำมีแนวโน้มทรงตัวจนถึงวันที่ 16 ส.ค.67 และ ในวันที่ 17 ส.ค.67 ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10 – 20 เซนติเมตร ประกอบกับ ในวันที่ 16 -19 ส.ค.67 ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลาง พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีลมฝ่ายตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ส่งผลให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งจะทำให้เพิ่มปริมาณน้ำในลำน้ำสาขารวมถึงแม่น้ำโขง ซึ่งอาจเกิดภาวะน้ำท่วมขังและไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขง ในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ได้อีก รวมทั้งจะทำให้ระดับน้ำแม่น้ำโขง ตั้งแต่ จ.เชียงรายจนถึง จ.อุบลราชธานี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องเฝ้าระวัง น้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำโขง และแม่น้ำสาขาที่เคยเกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำด้วย ซึ่ง สทนช. จะบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีประกาศแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้หน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ได้มีการเตรียมการตั้งรับสถานการณ์ด้วย
4. สถานการณ์น้ำท่วม วันที่ 13 ส.ค. 67 ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย (อ.เวียงแก่น) จ.แม่ฮ่องสอน (อ.ขุนยวม) จ.ปราจีนบุรี (อ.บ้านสร้าง) และ จ.เลย (อ.นาแห้ว)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 ส.ค. 67