คลังลุ้นจีดีพีแตะ 3% หลังแจ้งเกิดดิจิทัลวอลเล็ต
ขุนคลังรับกระสุนทางการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจเหลือแค่ 2 ล้านล้าน ระบุ เศรษฐกิจยังโตต่ำ จำเป็นต้องกระตุ้นผ่านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้าน เริ่มใช้จ่ายได้ไตรมาสสี่ แย้มเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคู่ขนาน ลุ้นจีดีพีปีนี้โตแตะ 3%
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวระหว่างการแถลงถึงความคืบหน้าของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า วันนี้ รัฐบาลมีกระสุนทางการคลังเหลือไม่มากนัก โดยหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท หรือ 64.29% ของจีดีพี ขณะที่ ระดับการก่อหนี้สาธารณะตามกรอบเพดานการก่อหนี้อยู่ที่ไม่เกิน 14 ล้านล้านบาท หรือไม่เกิน 70% ของจีดีพี ซึ่งหมายความว่า เราสามารถก่อหนี้ได้อีกไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เพื่อเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
เขากล่าวว่า การเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตเม็ดเงินราว 4.5-5 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะเป็นการสร้างพายุหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด เนื่องจาก ปัญหาของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ คือ ประชาชนไม่มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย ทำให้ระดับหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 90% ต่อจีดีพี ซึ่งถือว่า เยอะ ถ้าไม่มีปัญหาใช้หนี้คืน ดังนั้น เราจึงต้องทำให้เศรษฐกิจขยายตัว เพื่อให้มีรายได้และใช้คืนหนี้
“เราต้องแก้ไขปัญหากับคนที่มีปัญหาเรื่องของรายได้ ซึ่งโครงการนี้ ไม่ใช่โครงการอุดหนุน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นผ่านการใช้จ่ายของคนกลุ่มนี้ น่าจะสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจและผลผลิตต่อเนื่อง โดยระดับจีดีพีที่มองกันอยู่ที่ 2.4% ก็จะพยายามทำให้ได้ถึง 3% แต่ก็ไม่รู้จะได้ไหม ซึ่งเราก็จะมีมาตรการอื่นเข้ามาช่วยด้วย”
เขากล่าวด้วยว่า รัฐบาลเข้ามาทำงาน 10 เดือนแล้ว มีคนพูดว่า เศรษฐกิจยังไม่เติบโต ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะงบประมาณที่ออกมาล่าช้า แต่ระยะ 10 ปี ที่ผ่านมา จีดีพีเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 1.9% ขณะที่ ไตรมาสหนึ่งโตแค่ 1.5% ก็ยังค่อนข้างต่ำ เป็นเพราะเศรษฐกิจมีปัญหาเรื่องโครงสร้าง แต่ปัญหานี้ ไม่ได้แก้ไขได้ภายในวันเดียว ดังนั้น เราต้องทำงานคู่ขนาน
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ออกมาล่าช้า เขากล่าวว่า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการ เราจำเป็นต้องรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย ทั้งคนที่เป็นห่วงในเรื่องของความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น เราก็ต้องนำมาปรับเปลี่ยนตลอดเพื่อให้เหมาะสม ทั้งนี้ โครงการนี้ จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 30 ก.ค.นี้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลได้เตรียมเงินไว้สำหรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเพียงพอและมีความชัดเจน โดยกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ 50.7 ล้านคน แต่จากประมาณการจะอยู่ที่ 45 ล้านคน เตรียมงบประมาณไว้ 4.5 แสนล้านบาท เป็นแหล่งเงินจากปีงบประมาณ 2567 จำนวน 1.65 แสนล้านบาท และปีงบประมาณ 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดี เราจะทราบจำนวนเงินที่ชัดเจนต่อเมื่อมีการลงทะเบียนและยืนยันสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว
“โครงการนี้จะมีผลต่อจีดีพีปีนี้หรือไม่นั้น ผมมองว่า อาจจะไม่มีผล เนื่องจาก เป็นการใช้จ่ายในช่วงปลายปี แต่ยอมรับว่า จะมีผลด้านจิตวิทยาและสร้างความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง ส่วนปีหน้า คาดว่า จะมีผลต่อจีดีพีราว 1.2-1.8%”
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในระหว่างวันที่ 1 ส.ค. ถึง 15 ก.ย.2567 และมีกำหนดการที่จะให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการฯ ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันชื่อ”ทางรัฐ”โดยไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ส่วนการลงทะเบียนร้านค้า ในเบื้องต้นกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567
สำหรับคุณสมบัติประชาชนที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ คือ ประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน สัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 กันยายน 2567) ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566 ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท โดยตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่ เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ บัตรเงินฝาก ใบรับเงินฝาก ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึง เงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
นอกจากนี้ ต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
ส่วนประเภทสินค้านั้น สินค้าทุกประเภทสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ยกเว้นสินค้า Negative List ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้า Negative List เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ จะไม่รวมถึงบริการต่าง ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลงทะเบียน เงินดิจิทัล 1 ส.ค.-15 ก.ย.ผ่านแอป “ทางรัฐ” เช็ครายละเอียดที่นี่