“รมต.จักรพงษ์” ห่วงผลกระทบทำนบดิน “อ่างฯห้วยเชียงคำ” ขาด
“รมต.จักรพงษ์” ห่วงสถานการณ์ทำนบดิน “อ่างฯห้วยเชียงคำ จ.มหาสารคาม” ขาดเสียหาย ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลท่วมพื้นที่การเกษตรสูงเกือบ 1 เมตร กระทบกว่า 3 พันไร่ สั่งการให้ สทนช. บูรณาการหน่วยงานลงพื้นที่ติดตามสำรวจความเสียหาย พร้อมจับตามวลน้ำ “ลำเสียวใหญ่” ที่เริ่มล้นคันกั้นน้ำ อาจส่งผลกระทบเพิ่ม เร่งแจ้งเตือนประชาชนขนของขึ้นที่สูง
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม จนทำให้ทำนบดินของอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ ขาดเสียหาย เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.67 เวลา 17.00 น.) ทั้งนี้ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายในวงกว้าง จึงได้สั่งการให้ สทนช. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประสานหน่วยงานในการให้ความช่วยเหลือ พร้อมรายงานผลให้รัฐบาลรับทราบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์อ่างฯห้วยเชียงคำที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักสะสมต่อเนื่อง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14-15 ก.ค. 67 โดยปริมาณฝนตกสะสม 2 วัน จำนวน 224 มิลลิเมตร ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมากไหลเข้าสู่อ่างฯ อย่างรวดเร็ว รวม 3.1 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จนเกินความจุเก็บกัก และเอ่อล้นทำนบดินชั่วคราวและระบายลงช่องอาคารระบายน้ำล้น ปัจจุบันปริมาณน้ำได้กัดเซาะด้านข้างอาคารระบายน้ำล้นจนพังทลาย ส่งผลกระทบให้ทำนบดินและอาคารระบายน้ำล้น ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างปรับปรุง ขาดกว้างประมาณ 30 เมตร และเกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรบริเวณท้ายอ่างฯ ความสูงประมาณ 0.50-0.80 เมตร คาดว่าจะมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตามลำห้วยประมาณ 3,000 ไร่
โดย สทนช. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ดังนี้ กรมชลประทาน เร่งบริหารจัดการมวลน้ำโดยระบายน้ำผ่านอาคารระบายน้ำล้น ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าทำนบดิน ประมาณ 1.5 เมตร และติดตามระดับน้ำอย่างต่อเนื่องเป็นรายชั่วโมง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำยังคงมีระดับน้ำที่ทรงตัว รวมทั้งได้บูรณาการร่วมกับนายอำเภอบรบือและผู้นำท้องถิ่น เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตามลำห้วยพื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่ ส่วนการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ลงพื้นที่เร่งตรวจสอบความเสียหายและจุดที่ได้รับผลกระทบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่นาข้าวแล้ว
นอกจากนี้ สทนช. ยังได้รับการประสานจากกรมชลประทานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มวลน้ำในลำเสียวใหญ่มีปริมาณเพิ่มขึ้น น้ำเริ่มล้นคันกั้นน้ำบริเวณฝายยางบ้านยาง ต.บัวมาศ อ.บรบือ จ.มหาสารคามแล้ว หากปริมาณน้ำจากอ่างฯห้วยเชียงคำ ลงมาเสริมอีก คาดว่าจะเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมชลประทานได้ทำหนังสือแจ้งเตือนพื้นที่ซึ่งอยู่สองฝั่งแม่น้ำเสียวใหญ่และเสียวน้อย ได้แก่ เขตพื้นที่ อ.ปทุมรัตต์ อ.จตุรพักตรพิมาน อ.สุวรรณภูมิ อ.โพนทราย และ อ.หนองฮี ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนให้พื้นที่ได้รับทราบสถานการณ์เพื่อเตรียมการป้องกันและเฝ้าระวังต่อไป
“จากสถานการณ์ฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงได้สั่งการให้ สทนช. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประสานหน่วยงานบูรณาการเร่งตรวจสอบความเสียหาย วางแผนแก้ไขปัญหาและการเข้าให้ความช่วยเหลือ ตามกลไกของศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย พร้อมรายงานผลให้รัฐบาลรับทราบอย่างต่อเนื่อง” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
สำหรับอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ เป็นเขื่อนดิน ความจุ 5 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้น (spillway) จากศักยภาพการระบายเดิม 24 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 2 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เป็นอัตราการระบาย 54 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 4.6 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน จึงได้ก่อสร้างทำนบดินชั่วคราวเพื่อปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้น (spillway) เมื่อเกิดฝนตกหนักสะสมปริมาณน้ำไหลลงในอ่างฯ ถึงระดับเก็บกับ จนเอ่อล้นทำนบดินชั่วคราวและระบายลงช่องอาคารระบายน้ำล้น และเกิดการกัดเซาะจนทำให้ทำนบดินชั่วคราวดังกล่าวขาดเสียหาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สทนช.ยันเขื่อนจีนแตกไม่กระทบไทย