คลังสูญรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาทกระตุ้นตลาดหุ้น
• 3 หน่วยงานเห็นชอบ ปรับเงื่อนไข Thai ESG
• “พิชัย” ลั่น ตลาดหุ้นเขียวสดใส-ดูดเงินลงทุน
• ผุดกองทุนวายุภักษ์ 2 ลุยจำนำหุ้นรัฐวิสาหกิจ
กระทรวงการคลังมั่นใจ Thai ESG จะสามารถกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นได้ แม้กรมสรรพากรจะสูญเสียได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อแลกกับความมั่นคงของนักลงทุน
กระทรวงการคลัง ยอมสูญเสียรายได้ 13,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจาก 3 หน่วยงาน ประกอบด้วยกระทรวงการคลัง ก.ต.ล. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมใจสนับสนุนการขยายการลงทุนใน Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน โดยนักลงทุนสามารถนำเงินที่ลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้ ในปีภาษี2567
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2567 นายพิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมด้วย นางพรอนงค์ บุษราตระกูล” เลขาธิการ ก.ล.ต.และนายภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลท. แถลงข่าวประเด็นดังกล่าว ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เวลา 17.00 น.โดยใช้เวลาในการแถลงข่าวยาวกว่า ชั่วโมงครึ่ง
นายพิชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังเสนอชอบที่จะเสนอปรับเงื่อนไข Thai ESG ตามที่หารือ และพร้อมจะเสนอให้ ครม.พิจารณาวภายใน 2 สัปดาห์ โดยจะขยายวงเงินการนำวงเงินลงทุนไปขอลดหย่อนภาษีเงินได้ เป็นสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท และปรับระยะเวลาถือครองจาก 8 ปี ลงเหลือ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ
ขณะที่ นางพรอนงค์ เลขา ก.ล.ต. กล่าวว่า การปรับเงื่อนไขดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทที่จดทะเบียน ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เพิ่มอีกประมาณ 200 บริษัท และเมื่อรวมกับกองเดิมที่สามารถเข้าไปลงทุนได้อยู่แล้ว 128 บริษัท ก็จะทำให้บริษัทจดทะเบียนกว่า 300 บริษัท เข้าข่ายที่ Thai ESG จะสามารถลงทุนได้
“ ThaiESG เปิดขายครั้งแรก เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 เดือน มีเงินเข้ามาลงทุนรวมกว่า 6,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่า หลังจากที่ได้ปรับเงื่อนไขแล้ว และมีระยะเวลาจนถึงสิ้นปีนี้ หรืออีก 4-5 เดือน และเมื่อปิดการจำหน่ายแล้ว คาดว่า ขนาดของกองทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000-40,000 ล้านบาท ที่จะไหลเข้าสู่ตลาดทุนมากขึ้น” นางพรอนงค์ กล่าว
พร้อมกับกล่าวยอมรับว่า การปรับเงื่อนไขดังกล่าว คาดว่า กรมสรรพากรจะสูญเสียรายได้จากกรจัดเก็บภาษีราว 13,000 ล้านบาท โดยกองทุนฯ จะเปิดจำหน่ายให้แก่ประชาชนได้ภายในเดือนหน้าหรือเดือนก.ค.
นอกจากนี้ นายพิชัย ยังกล่าวเสริมว่า กระทรวงการคลังกำลังศึกษาการลงทุน ด้วยการจัดตั้งกองทุนรูปแบบอื่นๆ เช่น กองทุนวายุภักษ์1 ที่เคยทำมาแล้ว เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เข้ามาเสริมสร้างกลไก การออม และการลงทุนให้กับประชาชนผ่านรูปแบบการลงทุนร่วมของภาครัฐ และการมีโครงสร้างผลตอบที่มีขั้นต่ำ ขั้นสูง
“กระทรวงการคลังศึกษารูปแบบของกองทุนวายุภักษ์ หลังจากกองเดิม มีเม็ดเงินลงทุน 350,000 ล้านบาท คาดว่า วงเงินของกองทุนใหม่จะมีเม็ดเงินราว 150,000 ล้านบาทเข้ามาเติม โดยมีรูปแบบของผลตอบแทนจะคล้ายกับกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่มีการประกันผลตอบแทนการลงทุนแบบ waterfall หรือต่ำสุด ประมาณ 3% เป็นการช่วยสร้างเม็ดเงินใหม่เข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาเดือนครึ่ง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กระทรวงการคลัง จ่อโอนหนี้ FIDF คืนแบงก์ชาติ