คลัง สั่ง ออมสิน ปล่อยกู้ซอฟต์โลน แสนล้านบาท
• “เผ่าภูมิ” เดินตามรอยสินเชื่อโควิด คิดดอกเบี้ย 0.01%
• ครม.เคาะสินเชื่อ IGNITE THAILAND 5 พันล้านบาท
• หนุนเอสเอ็มอี 3 อุตสาหกรรมไทย ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ
คลัง เดินเกมกอบกู้เศรษฐกิจ ชง ครม. สั่งธนาคารออมสินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่านโครงการ IGNITE THAILANDวงเงิน 5 พันล้านบาท ยังไม่หนำใจ บีบออมสินปล่อยกู้ซอฟต์โลน 0.01% ให้แก่สถานบันเงินเอกชนไปปล่อยกู้ต่ออีกทอด หวังจุดระเบิดเศรษฐกิจให้ตูมตาม
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ “IGNITE THAILAND” เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ SMEs ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1.ศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) 2.ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) และ 3.ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub)
โดยผ่านธนาคารออมสิน วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท วงเงินต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท ระยะเวลากู้ไม่เกิน 10 ปี ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.5%ต่อปีใน 2 ปีแรก ปลอดชำระเงินต้น 6 เดือน โดยรัฐบาลใช้งบประมาณชดเชยให้กับธนาคารออมสิน ประมาณ 1,000 ล้านบาท เข้าไปช่วยสนับสนุนเรื่องสินเชื่อ และอุดหนุนส่วนต่างดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ยังมีกลไกการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อ ให้ผู้ขอสินเชื่อได้รับสินเชื่อตามโครงการได้เพียงพอกับความต้องการดำเนินธุรกิจ โดยฟรีค่าธรรมเนียมการค้ำประกันใน 2 ปีแรก และค่าธรรมเนียมเพียง 0.75% ต่อปี ในปีที่ 3-4
สำหรับโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND จะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเป้าหมาย เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลกตามที่รัฐบาลประกาศวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ไว้
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการสนับสนุนสินเชื่อ IGNITE THAILAND ของธนาคารออมสิน ที่จะปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการ SME วงเงิน 5,000 ล้านบาทนั้น จะแบ่งวงเงินการช่วยเหลือโดยแยกเป็นรายอุตสาหกรรม ดังนี้
- สินเชื่อสำหรับ SME ในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 1,500 ล้านบาท
- สินเชื่อสำหรับ SME ในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ 1,500 ล้านบาท
- สินเชื่อสำหรับ SME ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร 2,000 ล้านบาท
กรณีการกู้แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น ใน 2 ปีแรก จะคิดอัตราดอกเบี้ย = 2.5% ส่วนปีที่ 3-4 คิดอัตราดอกเบี้ย = MLR-1 และปีที่ 5-10 คิดอัตราดอกเบี้ย = MLR
กรณีกู้แบบที่ให้ บสย.เป็นผู้ค้ำประกันนั้น ในช่วง 2 ปีแรก จะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากันที่ 2.5% แต่ตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป ธนาคารออมสิน จะเป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเหมาะสม
นายชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.ยังได้มีการหารือกัน และเห็นว่าควรจะขยายคำนิยาม SMEs ให้เพิ่มเติมออกไป โดยให้ครอบคลุมถึงวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนนิติบุคคล และ Micro SME (MSME) เพื่อให้มีสิทธิได้รับวงเงินสินเชื่อนี้ด้วยเช่นกัน
“ดังนั้น ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แต่ขอขยายกลุ่มให้รวมไปถึงวิสาหกิจชุมชน และ MSME ที่ได้จดทะเบียนแล้ว ใน 3 อุตสาหกรรมดังกล่าว” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
ในวันเดียวกัน นายเผ่าภูมิ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่กระทรวงการคลัง เพิ่มเติมว่า ในเร็วๆ นี้ ธนาคารออมสินจะเตรียมออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อซอฟต์โลน วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกบอการเอสเอ็มอีทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยธนาคารออมสิน จะคิดอัตราดอกเบี้ย 0.01% เพื่อให้สถาบันการเงินไปปล่อยสินเชื่อต่ออีกทอดหนึ่ง เหมือนกับสินเชื่อซอฟต์โลนในช่วงโควิด
ทั้งนี้ ยังได้เตรียมออกมาตรการดูแลรายกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือประชาชนเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ผ่านรูปแบบการให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะมีรายละเอียดออกมาในเร็วๆ นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธปท.-คลัง-เอกชนออก”ซอฟต์โลน-โกดังพักหนี้”ฟื้นฟูธุรกิจ