กระทรวงการคลัง จ่อโอนหนี้ FIDF คืนแบงก์ชาติ
ถ้ากระทรวงการคลัง โอนหนี้กองทุนฟื้นฟู หรือเอฟไอดีเอฟ ไปให้แบงก์ชาติดูแล โดยไม่นับเป็นหนี้สาธารณะอีกต่อไป จะทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทยลดลงมากกว่า 5 แสนล้านบาท
ขณะนี้ กระทรวงการคลัง มีแนวความคิดที่แปรหนี้สาธารณะที่ขึ้นกับกระทรวงการคลัง ยกกลับไปให้กองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแลของ ธปท.เป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
“ปัจจุบันภาระหนี้ของกองทุนฟื้นฟู ที่เกิดจากการที่ ธปท.เข้าไปอุ้มสถาบันการเงินในช่วงวิกฤตสถาบันการเงินเมื่อปี2540 ซึ่งปัจจุบันมีภาระหนี้เหลืออยู่ 570,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะต้องใช้ระยะเวลาอีก 9 ปีจึงสามารถชำระหนี้ได้หมด โดยเป็นการการทยอยชำระหนี้ ปีละ 50,000-60,000 ล้านบาท ซึ่งหาก กระทรวง การคลัง สามารถย้ายภาระหนี้ก้อนนี้ ออกจากบัญชีหนี้สาธารณะได้ จะทำให้ภาระหนี้ต่อจีดีพี ลดลงถึง 5 % จากปัจจุบันภาระหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 63.37 %
ทั้งนี้ ความเสียหายจากการเข้าไปอุ้มสถาบันการเงินในช่วงวิกฤตสถาบันการเงินปี2540 ส่งผลให้กองทุนฟื้น ฟูฯ มีภาระหนี้มากกว่า 1 ล้านล้านบาท และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลในขณะนั้น จึงได้รับภาระหนี้ดังกล่าวมาเป็นภาระหนี้ของรัฐบาล โดย ณ เดือนก.ย. ปี2555 ภาระหนี้ของกองทุนฟื้นฟู อยู่ที่ 1.133 ล้านล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ภาระหนี้ดังกล่าว มาอยู่เป็นภาระหนี้สาธารณะนั้น ถือเป็นการอยู่ที่ผิดฝาผิดตัว เนื่องจากภาระการชำระหนี้ของกองทุนในปัจจุบัน มาจากการเรียกเก็บจากสถาบันการเงิน ในอัตรา 0.47 %ของเงินฝาก โดยนำส่งให้กองทุนฟื้นฟู เพื่อนำไปชำระหนี้ดังกล่าว โดยที่กระทรวงการคลัง ไม่มีส่วนรับภาระหนี้ก้อนนี้เลย
ทั้งนี้ ภาระหนี้ของกองทุนถูกบรรจุในคำนิยามของเป็นหนี้สาธารณะ ตามคำนิยามใน พรบ.หนี้สาธารณะ ขณะที่ภาระหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟู ไม่ถูกนิยามเป็นภาระหนี้สาธารณะตาม กฎหมายหนี้สาธารณะ
แหล่งข่าว กล่าวว่า หากจะแก้ไขกฎหมายเพื่อโยกภาระหนี้ดังกล่าวไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย แนวทางที่ง่ายกว่าการแก้ไข พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ก็คือ การแก้ไข พระราชการกำหนดกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งรัฐบาลสามารถแก้ไขได้รวดเร็วกว่า
กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ให้ไปอยู่ในบัญชีบริหารหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขยายพื้นที่ทางการคลังในการทำนโยบายเพิ่มขึ้น ว่า แนวคิดดังกล่าว สามารถทำได้ผ่านการแก้นิยาม “หนี้สาธารณะ” ใน พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 เนื่องจากหลักการหนี้ FIDF ไม่ได้เป็นภาระงบประมาณ เพราะปัจจุบัน ธปท.รับชำระทั้งต้นและดอกเบี้ย ซึ่งหากโอนหนี้ FIDF ไปให้ธปท. จะส่งผลให้หนี้สาธารณะลดลงได้ราว 5.5% ต่อ GDP
โดยกระทรวงการคลังประเมินว่า ณ สิ้น ก.ย.67 หนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทยอยู่ที่ 65.03% ซึ่งยังไม่รวมการทำโครงการทำดิจิทัลวอลเล็ต และเพื่อไม่ให้ชนเพดานหนี้สาธารณะตามที่กฎหมายกำหนดให้ไม่เกิน 70% ต่อ GDP
แหล่งข่าวยังให้ความเห็นว่า การที่หนี้ FIDF มาโชว์อยู่ในหนี้สาธารณะนั้น เป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว เนื่องจาก ธปท. เป็นหน่วยงานที่ชำระหนี้ ที่ได้เงินจากการเก็บเงินจากสถาบันการเงินเข้ากองทุนที่ 0.46% และรายได้อื่น ๆ ที่มีด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องแก้ไขกฎหมายจะต้องเป็นต้นรื่อง คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
“หากต้องการโอนหนี้ FIDF เพื่อไม่ให้นับหนี้สาธารณะ ต้องให้หน่วยงานต้นเรื่องคือ ธปท.เป็นผู้แก้ไขกฎหมาย โดยมองว่าการแก้กฎหมายหนี้สาธารณะ ทำได้ 2 ทาง คือ แก้ พ.ร.บ. หนี้สาธารณะ ซึ่งจะต้องใช้เวลาผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะกรรมการกฤษฎีกา สภาผู้แทนราษฎรด้วย และอีกทาง คือ การแก้นิยาม พ.ร.ก. FIDF จะทำได้ง่ายกว่า” แหล่งข่าว ระบุ
ส่วนถ้ามีการโอนหนี้ FIDF ไปให้ ธปท. จะต้องโอนทรัพย์สินทรัพย์ไปให้ ธปท.ด้วยหรือไม่ เช่น หุ้นที่ถือในธนาคารกรุงไทย (KTB) แหล่งข่าว กล่าวว่า หากโอนหนี้สินไปอยู่ภายใต้ FIDF ทั้งหมดก็ต้องโอนทรัพย์สินทั้งหมดไปให้ ธปท.ด้วยเช่นกัน
โดยปัจจุบัน หนี้ FIDF ที่เหลืออยู่คิดเป็นวงเงิน 590,869 ล้านบาท (ณ เม.ย.67) จากยอดที่รับมาดำเนินการเมื่อเดือน ม.ค.55 อยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นจากบัญชี FIDF 1 ยอดที่รับมาดำเนินการเมื่อเดือน ม.ค.55 อยู่ที่ 463,275 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือ 265,327 ล้านบาท และ FIDF 3 ยอดที่รับมาดำเนินการเมื่อเดือน ม.ค.55 อยู่ที่ 675,030 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือ 325,542 ล้านบาท โดยคาดว่าหนี้ FIDF จะหมดภายใน 9 ปี หรือปี 2575 เร็วกว่าแผนที่กำหนด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : แบงก์เอกชนสุดทนขอขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.4% ล้างหนี้ FIDF