คลังร่วมประชุมผู้ว่าการ ADB
การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 57 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 2 – 5 พ.ค. 2567 ณ กรุงทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในฐานะผู้ว่าการสำรองชั่วคราวของไทยในธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ได้เข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ 57 (การประชุมฯ) การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM+3) ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 2 – 5 พ.ค. 2567 ณ กรุงทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย สรุปได้ ดังนี้
1. พิธีเปิดการประชุมฯ ในวันที่ 4 พ.ค. 2567 โดยนาย Makatsugu Asakawa ประธาน ADB ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมฯ ให้ประเทศสมาชิกตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือ โดยพัฒนาการแก้ไขปัญหาที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ (1) การเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเกษตรกรรมซึ่งนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร (2) การใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อย่างระมัดระวังและเท่าเทียมเพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุม (3) การขับเคลื่อนโลกาภิวัตน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (4) การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ประเทศที่ยากจนที่สุดและมีความเปราะบาง
2. การประชุม Business Session ในวันที่ 5 พ.ค. 2567 โดยประธาน ADB รายงานผลการดำเนินงาน ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกรับมือกับความท้าทายกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาความขัดแย้ง ความมั่นคงทางด้านอาหาร รวมถึงปัญหาภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ว่าการ ADB ของประเทศ สมาชิกได้ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นและแนวนโยบายการดำเนินงานของ ADB ภายใต้แนวคิด “Bridge to the Future” ในการพัฒนาการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค รวมถึงได้มีการเรียกร้องให้ ADB ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาและรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก ซึ่งต้องการความช่วยเหลือทางการเงินแบบให้เปล่า (Grants) อย่างทั่วถึง ในการนี้ ADB ได้ขอบคุณประเทศสมาชิกผู้บริจาค ซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่ได้แสดงเจตจำนงในการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 14 (Asian Development Fund 14: ADF 14) ซึ่งมีขนาดกองทุนสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีช่วงระยะเวลาการดำเนินการระหว่างปี 2568 – 2571
3. การประชุมเต็มคณะของสภาผู้ว่าการ ADB (ADB Governors’ Plenary Session) ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายใต้หัวข้อ “From Billions to Trillions – Promoting Private Sector Development for Climate Change” เพื่อหารือถึงแนวทางการเพิ่มศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประเทศสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อใช้แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นการระดมทุนจากภาคเอกชนเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการการพัฒนาที่ยั่งยืน
4. การประชุม AFMGM+3 ครั้งที่ 27 ในวันที่ 3 พ.ค. 2567 ได้ร่วมหารือและแสดงความเห็นในประเด็นสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภูมิภาคอาเซียน+3 โดยคาดว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 จะขยายตัวที่ 4.5% ในปี 2567 และ 4.2% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 จะเติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลก และมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถึง 45% ในปี 2567 – 2573 อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้น ได้แก่ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกและค่าขนส่งที่พุ่งสูงขึ้น ความผันผวนของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สำหรับปัจจัยเสี่ยงในระยะกลาง – ยาว ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และสังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าและมอบหมายนโยบายด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินในกรอบอาเซียน+3 ได้แก่ ทิศทางการดำเนินการในอนาคตของโครงสร้างความช่วยเหลือทางการเงินของภูมิภาค การเสริมสร้างประสิทธิภาพของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี การจัดหาเงินทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การดำเนินการของ AMRO มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย และข้อริเริ่มภายใต้กรอบความร่วมมือทางการเงินอาเซียน+3
ทั้งนี้ การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งต่อไป มีกำหนดจัดขึ้นในเดือนพ.ค. 2568 ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งผู้ว่าการของไทยจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ Procedures Committee ด้วย กองนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3607