“พิชัย” เผย ใช้ไม้นวมกล่อมแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย
• คลังยันเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ดันจีดีพีไทยพุ่ง
• เพิ่มขีดความสามารรถการแข่นขันชู New S-curve
• ยันไม่ทิ้ง “ดิจิทัล วอลเล็ต” นโนยายพรรคเพื่อไทย
กระทรวงการคลัง จะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น โดยมีเป้าหมายลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ ขณะเดียวกัน ต้องพยายามรักษาตลาดท่องเที่ยว และการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นพื้นฐานของเศรฐกิจไทย
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวภายหลังสักการระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระทรวงการคลัง เนื่องในโอกาสเข้ามาทำงานเป็นวันแรก โดย รมว.คลัง ยอมรับว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจและงานเยอะมาก ซึ่งหากมองย้อนไปอดีตเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ในสมัยที่ตนทำงานบริษัทเอกชน ในช่วงนั้น ประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากนานาชาติในฐานะประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาก
แต่ วันนี้ จะเล่าให้ฟังว่า ภาพดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจลดลง ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าก็แพงขึ้น คนไทยเวลานี้ มีรายได้ลดลง แต่มีรายจ่ายมากขึ้น หนี้ครัวเรือนจึงอยู่ในระดับสูง
“ผมอยากจะบอกว่า หนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ระดับ 90% ของจีดีพี มูลค่าประมาณ 15-16 ล้านล้านบาท แต่ถ้าหากเราเพิ่มมูลค่าจีดีพี ให้เป็น 25 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนก็ต่ำกว่า 90% อย่างแน่นอน”
นายพิชัย กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยประเทศไทยนั้น อยู่ในฐานะผู้ส่งออก เพราะเรามีการผลิตสินค้าออกมาจำนวนมาก ในอดีตไทยอาจจะชนะคู่แข่งได้ แต่ขณะนี้ ไทยแข่งขันกับจีนก็ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างนวัตกรรมทางด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เช่น New S-curve เพื่อดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด
“มาตรการใหม่ๆ มีอย่างแน่นอน แต่วันนี้ ผมเพิ่งมาทำงานวันแรก” รองนายกรัฐมนตรี กล่าวและกล่าวว่า มาตรการดิจิทัล วอลเล็ต ก็มาตราการหนึ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามดำเนินการ รวมถึงการพัฒนาพลังงานสะอาด การซื้อ Carbon Credit ที่มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
ส่วนกรณีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับ ธปท.นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ตนกำลังหาเวลาว่าง ไปคุยกับผู้ว่า ธปท. และเข้าใจว่า ผู้ว่า ธปท.ก็กำลังดูว่าผมว่างวันไหน ซึ่งมีหลายประเด็นที่ต้องการหารือกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการให้ประชาชนดีขึ้น
และ…คงไม่คุยเรื่องลดอัตราดอกเบี้ย แต่เรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น จะช่วยลดภาระและทำให้ต้นทุนลดลงได้ ซึ่งไม่ใช่ประชาชนคนจนเท่านั้น ที่ได้ประโยชน์ แต่ประชาชนทั่วไปก็ได้รับประโยชน์ด้วย รมว.คลัง กล่าว และกล่าวว่า เสถียรภาพของประเทศ และทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ หากมีมากก็ดีขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องพยายามเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนด้วย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น ธปท.ก็ควรจะเร่งเครื่องยนต์ด้วย.