กยศ.ลุยปรับโครงสร้างหนี้
“กยศ.คำนวณหนี้กลุ่มเร่งด่วนที่ถูกบังคับคดี/ถูกอายัดเงิน 50,614 รายเสร็จเรียบร้อย พบปิดบัญชีได้ทันทีและจะได้รับเงินคืน 3,494 ราย เริ่มจ่ายคืนแล้วตั้งแต่วันนี้”
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) คำนวณยอดหนี้คงเหลือใหม่ตามพ.ร.บ. กยศ. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ให้แก่ผู้กู้ยืมกลุ่มเร่งด่วนที่ถูกบังคับคดีหรือถูกอายัดเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วจำนวน 50,614 ราย ทำให้ผู้กู้ยืมบางรายมีสถานะปิดบัญชีได้ทันทีและมีผู้กู้ยืมที่จะได้รับเงินคืนในส่วนที่ชำระเกินจำนวน 3,494 ราย โดยจะจ่ายเงินคืนให้ผู้กู้ยืมผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น เริ่มจ่ายคืนแล้วตั้งแต่วันนี้
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาได้เปิดเผยว่า “ขณะนี้กองทุนฯได้ดำเนินการปรับปรุงยอดหนี้ (Recalculate) ของผู้กู้ยืมกลุ่มที่ต้องการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่มียอดหนี้คงเหลือและอยู่ระหว่างถูกบังคับคดีหรือถูกอายัดเงิน จำนวน 50,614 ราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ผู้กู้ยืมบางรายมีสถานะปิดบัญชีได้ทันทีและมีผู้กู้ยืมที่จะได้รับเงินคืนส่วนที่ชำระเงินเกินจำนวน 3,494 ราย เป็นเงินประมาณ 97 ล้านบาท ซึ่งกองทุนฯได้มีการออกหนังสือแจ้งผู้กู้ยืมแต่ละรายให้ลงทะเบียนรับเงินคืนและเริ่มดำเนินการจ่ายเงินคืนแล้วผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น ซึ่งมีความปลอดภัยและตรวจสอบได้แน่นอน ทั้งนี้ การคำนวณภาระหนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายที่ได้ชำระเงินคืนกองทุนฯนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณหนี้ใหม่ ตัดชำระเงินต้นเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ คิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี และคิดเบี้ยปรับในอัตรา 0.5% ต่อปี หลังจากกองทุนฯปรับปรุงยอดหนี้ให้กับผู้กู้ยืมเงินแล้วหากพบว่ารายใดไม่มียอดหนี้คงเหลือให้ถือว่าผู้กู้ยืมเงินได้ชำระหนี้ปิดบัญชีครบถ้วนแล้ว และหากพบว่าผู้กู้ยืมเงินรายใดมีเงินส่วนที่ชำระเกินจากยอดหนี้ที่ปรับปรุงใหม่ กองทุนฯจะคืนเงินส่วนเกินที่เกิดจากการชำระหนี้ให้กับผู้กู้ยืมเงิน แต่หากรายใดยังมียอดหนี้คงเหลือ ผู้กู้ยืมเงินจะต้องชำระหนี้ตามยอดหนี้คงเหลือต่อไป โดยกองทุนฯจะทยอยดำเนินการปรับปรุงยอดหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมเงินแต่ละกลุ่มทุกราย ซึ่งกองทุนฯขอยืนยันว่าทุกคนจะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน” ผู้จัดการกองทุนฯกล่าวในที่สุด