กยศ. ตะลึงพบสถานศึกษาถูกสั่งปิด นักเรียนร้องขอเงินกู้
กรณี น.ศ.ระยองร้องศาลปกครอง กยศ.เผยได้รับแจ้งจาก อว.เมื่อ 9 ส.ค.66 ว่าสถานศึกษาเลิกกิจการตั้งแต่ พ.ย.65 แต่พบความผิดปกติ ปีการศึกษา 2566 น.ศ.ยังกู้ศึกษาที่วิทยาลัยระยองเหมือนเดิม ปัจจุบันรอสถานศึกษาส่งข้อมูลนักศึกษาผู้กู้ที่โอนย้าย เพื่ออนุมัติการกู้ยืมต่อไป
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ชี้แจงกรณีข่าวตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองระยอง ให้กองทุนฯอนุมัติเงินกู้ยืมเรียนให้กับพวกตนจนสำเร็จการศึกษา เนื่องจากในระบบแจ้งว่าถูกระงับการให้กู้ยืมนั้น กองทุนฯขอชี้แจงว่าได้รับแจ้งจากกระทรวง อว. เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2566 ว่าสถานศึกษายกเลิกกิจการแล้วตั้งแต่ 30 พ.ย. 2565 ทำให้กองทุนฯมีความจำเป็นต้องระงับการให้กู้ยืม เนื่องจากไม่ทราบว่า น.ศ.ผู้กู้รายใดบ้างที่ย้ายไปเรียนที่จังหวัดศรีสะเกษ และอยู่ระหว่างรอข้อมูลจากทางวิทยาลัย
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า “จากกรณีที่มีข่าวว่ามีกลุ่มตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้มายื่นคำร้องต่อศาลปกครองระยอง ให้กองทุนฯอนุมัติเงินกู้ยืมเรียนให้กับพวกตนจนสำเร็จการศึกษา เนื่องจากในระบบแจ้งว่าถูกระงับการให้กู้ยืม โดยกองทุนฯได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า นักศึกษากลุ่มนี้เป็นผู้กู้ยืมรายเก่าเลื่อนชั้นปี และได้รับเงินค่าเล่าเรียนปีการศึกษา 1/2566 และค่าครองชีพไปแล้ว 3 งวด ก่อนที่กองทุนฯจะได้รับแจ้งจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2566 ว่าสถานศึกษาได้ยกเลิกกิจการ ซึ่งได้ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 140 ตอนพิเศษ 59 ง เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 มีคำสั่งให้เลิกกิจการวิทยาลัยที่จังหวัดระยอง ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2565 ทั้งนี้ กองทุนฯไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องการขอยกเลิกการดำเนินกิจการจากทางสถานศึกษาแต่อย่างใด การที่นักศึกษากลุ่มดังกล่าวได้ยื่นขอกู้ประจำปีการศึกษา 2566 ในการศึกษาที่วิทยาลัยในจังหวัดระยองหลังจากที่ยกเลิกกิจการแล้วจึงไม่ถูกต้อง กองทุนฯจึงจำเป็นต้องระงับการให้กู้ยืมเงินไว้เพื่อมิให้เกิดข้อผิดพลาด ทั้งนี้หลังจากทราบเรื่องดังกล่าวกองทุนฯได้ขอข้อมูลการโอนย้ายและแผนการโอนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ไปศึกษาต่อที่อื่นไปยังกระทรวง อว. ซึ่งกองทุนฯได้รับแจ้งจากกระทรวง อว.ว่า ทางสถานศึกษาได้จัดทำแผนการโอนนักศึกษาที่กำลังศึกษาจำนวน 1,212 คน ไปศึกษาต่อที่จังหวัดศรีสะเกษ ต่อมาผู้ชำระบัญชีของสถานศึกษาได้แจ้งขอเปลี่ยนข้อมูลจากเดิม 1,212 คน เป็น 3,580 คน โดยอ้างว่าข้อมูลในระบบมีความผิดพลาด ซึ่งกองทุนฯได้มีหนังสือสอบถามสถานศึกษาไปรวม 4 ครั้ง เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2566 วันที่ 10 พ.ย. 2566 วันที่ 30 พ.ย. 2566 และวันที่ 29 ม.ค. 2567 และได้ติดต่อสถานศึกษาทางโทรศัพท์อีกหลายครั้งแต่ยังไม่ได้ข้อมูลตามที่ร้องขอ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอสถานศึกษาชี้แจงและแจ้งรายชื่อนักศึกษาที่โอนย้ายสถานศึกษาจากจังหวัดระยองไปยังจังหวัดศรีสะเกษ หากกองทุนฯได้รับข้อมูลและตรวจสอบแล้วถูกต้อง กองทุนฯจะอนุมัติเงินกู้ต่อไป
กองทุนฯขอยืนยันว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวทางกองทุนฯได้มีหนังสือเชิญผู้แทนจากกระทรวง อว.และผู้แทนจากจังหวัดระยองและจังหวัดศรีสะเกษลงพื้นที่เพื่อพบนักศึกษาที่มีรายชื่อยื่นกู้ในระบบจำนวน 3,115 คนที่เดือดร้อนภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าเมื่อได้ข้อมูลจากทางสถานศึกษาจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้” ผู้จัดการกองทุนฯกล่าวในที่สุด