ไอแบงก์ซับน้ำตาพี่น้องชาวใต้
ไอแบงก์ ออกแคมเปญ “ให้เพื่อส่งต่อ รับเพื่อกลับคืน” ผนึกพลังผู้ประกอบการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ภายหลังน้ำลด
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังน้ำลด ภายใต้แคมเปญ “ให้เพื่อส่งต่อ รับเพื่อกลับคืน” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นอกเหนือจากมาตรการผ่อนปรนแก่ลูกค้าสินเชื่อของธนาคารที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นชำระเฉพาะกำไรได้นานสูงสุด 6 เดือนและยกเว้นค่าชดเชยผิดนัด (Late Charge) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย แจกจ่ายถุงยังชีพ 700 ถุง ข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่ม 5,000 ชุด ให้แก่พี่น้องประชาชนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ตลอดจนยาสามัญประจำบ้าน 5,000 ชุด ที่จังหวัดปัตตานี โดยธนาคารได้อำนวยความสะดวกเพิ่มเติมแก่พี่น้องชาวไทยที่มีจิตเมตตาต้องการร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้วยการเปิดบัญชีออมทรัพย์รับบริจาคผ่านธนาคาร
นาย ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคาร เปิดเผยว่า “จากการที่ไอแบงก์ได้ออกมาตรการต่าง ๆ ทันทีเพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม-น้ำหลากครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงปลายปี 2566 และเมื่อผมกับทีมงานได้ลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 28-29 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าเหตุอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก การให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าอาจจะไม่ครอบคลุมการบรรเทาความเดือดร้อน จึงเกิดความคิดริเริ่มดำเนินแคมเปญ “ให้เพื่อส่งต่อ รับเพื่อกลับคืน” หมายถึงการให้เพื่อส่งต่อความปรารถนาดี และการรับเพื่อพัฒนาต่อยอดจนสามารถให้กลับคืนสู่สังคมอย่างเกื้อกูลหมุนเวียนกันไม่สิ้นสุด ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้สังคม และสร้างเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในที่สุด นับเป็นการนำวิสัยทัศน์ของธนาคารที่ยึดมั่นในการเป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์ เพื่อความยั่งยืน มาต่อยอดให้เป็นรูปธรรม โดยธนาคารได้เริ่มต้นจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นเครือข่ายของธนาคาร มาร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ในการส่งต่อความช่วยเหลือด้านการดำรงชีวิตภายหลังน้ำลด ทั้งนี้เพื่อให้พี่น้องในพื้นที่ประสบเหตุได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติเร็วที่สุด โดยระยะเริ่มต้นมีผู้ประกอบการกว่า 60 รายตอบรับเข้าร่วมโครงการ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายประเภท อาทิ ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ศูนย์บริการและอู่ซ่อมแซมรถยนต์ โรงพยาบาลและสุขภาพ ร้านขายเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนร้านอาหารและเครื่องดื่ม ดังนี้