จับตา 3 ธนาคารกลางยักษ์นัดถกดอกเบี้ย
• นักวิเคราะห์เฟดคงอัตราดอกเบี้ย 12-13 ธ.ค.นี้
• ธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษยังตึงดอกเบี้ย
• เงินบาทผันผวนใกล้หลุด 36 บาทต่อดอลลาร์
จับตา 3 แบงก์ชาติยักษ์ใหญ่พร้อมใจคงดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า ก่อนเข้าสู่ดอกเบี้ยขาลงปีหน้า ขณะที่เงินบาทผันผวนหนัก เนื่องจากต่างชาติไหลเงินออกต่อเนื่อง
สัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์ที่คึกคักสำหรับตลาดการเงิน เนื่องจากจะมีการจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปี 2566 ของธนาคารกลางชั้นนำของโลกถึง 3 แห่ง
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 12-13 ธ.ค. ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมตรงกันในวันที่ 14 ธ.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางทั้ง 3 แห่งจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยคาดกันว่าเฟดและ ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยพร้อมกันในเดือนมี.ค.2567 ขณะที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 4 ของปีดังกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนมี.ค.2567
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.5% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.2566 และให้น้ำหนัก 83.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.2567
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 51.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.2567
ขณะที่ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2567 หลังจากนางอิซาเบล ชนาเบล ซึ่งเป็นกรรมการสายเหยี่ยวใน ECB กล่าวว่า ECB สามารถตัดทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
ส่วนผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ของปี 2567 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3
ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ของตลาด ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันรวม 4.5%
ทั้งนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 4.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 4.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.50%
สำหรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. สอดคล้องกับการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พ.ย.
หาก BoE ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ก็จะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 14 ครั้ง
ทั้งนี้ BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.1% สู่ระดับ 5.25% ในเดือนส.ค.2566 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า BoE จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 โดยจะปรับลดลง 0.50% ในไตรมาสดังกล่าว เมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า BoE จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันตลอดปี 2567
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยว่า เงินบาทปิดตลาด เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) อยู่ที่ 35.22 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 35.20 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.16 – 35.40 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตร 2,000 ล้านบาท
“วันนี้บาทเหวี่ยงแรง ทิศทางช่วงเช้าอ่อนค่าต่อเนื่อง ก่อนที่จะกลับมาแข็งค่าในช่วงบ่าย ปิดตลาดยังอ่อนค่าจากช่วงเช้าเล็ก น้อย” นักบริหารเงิน กล่าว