“จุลพันธ์” เลื่อนแจกเงินดิจิทัล
คลังคาดว่า แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจไม่เกินเดือนก.พ.ปีหน้า เนื่องจากต้องวางระบบให้รอบครอบและสามารถป้องกันการทุจริต ทำให้การทำงานล่าช้าออกไป
“จุลพันธ์” เผย รัฐบาลอาจเลื่อนกำหนดการแจกเงินดิจิทัลจาก 1 ก.พ.67 เหตุต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ยืนยัน จะให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีหน้า ขณะที่ ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งเรื่องแหล่งเงิน และเงื่อนไขการแจก นัดประชุมอีกครั้งอังคารหน้า เชื่อโครงการนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 5% ในปีหน้า
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า โครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท อาจดำเนินการไม่ทันตามกำหนดในวันที่ 1 ก.พ.นี้ สาเหตุสำคัญ คือ การพัฒนาระบบเพื่อรองรับการแจกเงิน อาจมีความล่าช้า เนื่องจาก ต้องทำให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด แต่ยืนยันว่า เราจะดำเนินการให้แล้วเสร็จและสามารถแจกเงินได้ทันภายในไตรมาสแรกของปีนี้
ก่อนหน้านี้ รมว.คลัง ระบุว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จะแล้วเสร็จภายในเดือนก.พ.2567 แต่จนถึงขณะนี้ โครงการยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยเฉพาะประเด็นแหล่งเงินของโครงการ 458,000 ล้านบาท จากเดิม 560,000 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนประชาชนที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ มีอายุตั้งแต่ 16 ปีนี้ไป มีจำนวนลดลงจาก 56 ล้านคน ลงมาเหลือ 54.8 ล้านคน
“ท่านนายกรัฐมนตรีมอบโจทย์ไว้ว่า เราจะแจกเงินภายในวันที่ 1 ก.พ.ปีหน้า แต่ผมก็พร้อมที่จะไปบอกว่า ไม่ทัน ด้วยเหตุผลที่ให้ คือ ถ้าเราต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาระบบ เพื่อทำให้เกิดความเสถียร ปลอดภัย เราก็ต้องทำ ฉะนั้น เราจะเอาเรื่องของระบบมาแลกกับเวลาไม่ได้เลย เมื่อต้องเลื่อนระยะเวลาก็ต้องเลื่อน” รมช.คลัง กล่าวและกล่าวว่า
สำหรับเรื่องของแหล่งเงิน และ เงื่อนไขในการแจกนั้น ทางฝ่ายเลขาอนุกรรมการที่จะเป็นฝ่ายที่จะสรุปเรื่องดังกล่าวมาเสนอต่อที่ประชุมในวันนี้ (19 ต.ค.) ได้รับแจ้งว่า ยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดเรื่องดังกล่าวได้ ดังนั้น ทางคณะอนุกรรมการจึงเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันอังคารที่ 24 ต.ค.นี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เราจะรีบเสนอไปยังคณะกรรมการชุดใหญ่ทันที
ทั้งนี้ เกี่ยวกับการพิจารณาในประเด็นเรื่องการกำหนดเงื่อนไขว่า จะแจกเงินแก่กลุ่มใด รมช.คลัง กล่าวว่า มีการมองในเรื่องการแจกเงินที่ควรเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มที่เปราะบาง และควรทยอยแจกเป็นระยะเวลา 10 เดือน เป็นต้น แต่รัฐบาลเห็นว่า ถ้าเราดำเนินตามเงื่อนไขดังกล่าว จะเป็นนโยบายในลักษณะนโยบายสังเคราะห์ คล้ายกับบัตรคนจน ซึ่งจะแตกต่างจากนโยบายที่รัฐบาลเสนอ โดยหลักการของการเดินนโยบายนี้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก รัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลผสม ฉะนั้น ในรายละเอียดเรื่องของนโยบายอาจต้องปรับให้เหมาะสม ส่วนข้อเสนอเรื่องการยกเว้นการแจกเงินคนรวยนั้น ยังไม่มีข้อสรุปว่า คนมีรายได้ระดับใดคือคนรวย บางคนบอกว่า มีเงินเดือน 20,000 บาทก็รวยแล้ว แต่สำหรับรัฐบาลมองว่า คนชั้นกลางก็ลำบากมานาน ที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก ดังนั้น นโยบายก็ควรให้โอกาสแก่คนกลุ่มนี้ด้วย
“หลักของนโยบายนี้ คือ ต้องการให้เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจีดีพีของเรานั้น โตต่ำมาตลอด ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร จีดีพีก็จะต่ำกว่านั้น แต่หากเราเดินนโยบายนี้ เชื่อว่า จีดีพีจะขยายตัวได้ใกล้ 5% โดยกรอบวงเงินที่จะใช้ยังยืนอยู่ที่ 5.48 แสนล้านบาท” รมช.คลัง กล่าวในที่สุด