จับตาสัปดาห์นี้ ค่าเงินบาททะลุ 36 !!
สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 9 เดือนที่ 35.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ
ต้นสัปดาห์ตามค่าเงินเยนที่มีแรงหนุนจากค ากล่าวของ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ระบุว่า BOJ อาจสามารถยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบหากบรรลุเป้าหมาย เงินเฟ้ออย่างยั่งยืน อย่างไรก็ดีเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต่อมาตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย น าโดย เงินหยวน ท่ามกลางความกังวลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจจีนในภาพรวม แม้ว่าทางการจีนจะพยายามส่งสัญญาณว่า ไม่ต้องการให้เงินหยวนอ่อนค่าเร็วผ่านการทยอยกำหนดอัตราอ้างอิงเงินหยวนรายวันในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนบางส่วนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดประเมินว่า แม้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบ 5.25-5.50% ในการ ประชุม FOMC วันที่19-20 ก.ย. นี้ แต่ก็ยังไม่ตัดโอกาสที่อาจจะเห็นเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในการประชุมรอบถัดๆ ไปในปีนี้
ในวันศุกร์ที่ 15 ก.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (8 ก.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่11-15 ก.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,572 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 6,919 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร2,079 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 4,840 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (18-22 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 35.30-36.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยส าคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมและ Dot Plot ของเฟดทิศทางเงินทุนต่างชาติและค่าเงินหยวน
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟด สาขาฟิลาเดลเฟียเดือนก.ย. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และจำนวนผู้ ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น และดัชนีPMI เบื้องต้นสำหรับเดือนก.ย. ของสหรัฐฯและยูโรโซน