นายกฯ วอนคลังเลิกเล่นพรรคเล่นพวก

เศรษฐา กล่อมข้าราชการคลังอยู่หมัด ยันพิจารณาโยกย้ายข้าราชการตามความเหมาะสมและผลงาน ไม่มีเด็กหรือใช้เส้นสาย พร้อมดันโครงการดิจิทัล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมด้วย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง เดินทางเข้ากระทรวงการคลังวันแรกหลังจากได้รับตำแหน่ง โดยนายกรัฐมนตรี ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ว่าที่ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมในสังกัด ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงการคลังให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ ภายหลังมอบนโยบาย นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และประชาชนกำลังเดือดร้อน ดังนั้น กระทรวงคลังก็มีหน้าที่ช่วยซับพอร์ตในทุกๆ เรื่อง แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใด ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวง 2 เรื่อง
คือ 1.การทำนโยบายนั้น ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ฉะนั้นเรื่องของวินัยการเงินการคลังจึงมีความสำคัญ ต้องตอบสังคมได้ว่า นำเงินไปใช้อะไรบ้าง และในระยะยาว จะส่งผลต่อจีดีพี หนี้สาธารณะอย่างไร และควรมีสัดส่วนอย่างไรที่เหมาะสม 2.เรื่องวิธีการทำงาน และเรื่องของความเป็นธรรม เป็นเรื่องที่สำคัญที่รัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการบริหารจัดการระบบเส้นสาย ระบบการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และระบบการปูบำเหน็จ เป็นเรื่องที่ตนเห็นใจข้าราชการ ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงการคลัง
“แต่ในวันนี้ ผมมาพูดในฐานรมว.คลัง เพราะกระทรวงนี้ เป็นกระทรวงที่มีข้าราชการที่มีความสามารถเยอะ ทุ่มเทกายและใจตลอด หลายๆ คนก็ใฝ่ฝันตำแหน่งใหญ่ๆ ดังนั้น ใครมีผลงานที่ดี ก็ควรได้รับการปูบำเหน็จที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการกระทรวงที่สามารถออกไปทำงานในภาคเอกชนที่ให้ผลตอบแทนสูงได้ แต่เลือกเสียสละเพื่อประเทศชาติ ส่วนกรณี ผู้มีอิทธิพลเข้ามาใช้เส้นสาย หรืออำนาจ ผมในฐานะรมว.คลัง ก็จะเป็นเกราะกำบังให้ ทำให้ข้าราชการทำงานได้อย่างสบาย”
นอกจากนี้ในที่ประชุม ก็ได้หารือกันเรื่องเศรษฐกิจโดยทั่วไป และเรื่องนโยบายรัฐที่ออกมาแล้วต้องเจออุปสรรคบ้าง ก็จะหาทางแก้ไข และปรับวิธีการทำงานต่อไป
สำหรับนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าไม่มีการกู้เงิน ขณะเดียวกัน การกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็น ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ และจีดีพีเพิ่ม สัดส่วนหนี้สาธาณะก็อาจจะไม่เพิ่ม หรือคงที่ รัฐบาลมีความตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องมีทั้งระยะสั้น และระยะยาว
สำหรับสถานบันการเงินของรัฐนั้น ต่างก็มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่ว่า จะเป็นธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์
ส่วนนโยบายพักหนี้เกษตรกร ที่ทำมา 13 ครั้งใน 9 ปี นายกรัฐนตรี กล่าวว่า ยังต้องทำต่อไป รัฐบาลก็ตระหนักดีว่า ถ้าทำการพักหนี้ แต่ไม่ควบคู่ไปกับการเพิ่มรายได้ ก็จะไม่เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวตามที่ควร ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพราะถือเป็นภาคส่วนที่ใหญ่มาก มาตรการนี้ เป็นมาตรการแรกที่ออกมาช่วยเกษตรกร ซึ่ง รมช.คลังทั้งสองคน ก็พยายามช่วยดู และหวังว่าจะมีมาตรการใหม่ๆออกมา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเรื่องหนี้ต่อไป
“ขณะที่ ปัญหาภาคส่วนอื่นๆ นั้น จะมีการคุยกันต่อแน่นนอน แต่ตอนนี้ถ้าทำอะไรได้ ก็จะทำการก่อน ผมไม่อยากคอยให้เสร็จทุกภาคส่วนแล้วค่อยประกาศก่อน บางส่วนจะได้สบายใจ ส่วนเรื่องหนี้นั้นจะไปดูและจะมีการนำเสนอต่อๆไป ซึ่งผมตระหนักถึงปัญหาทุกภาคส่วน”
สำหรับ มาตรการดิจิทัล วอลเล็ตนั้น ยืนยันว่า 10,000 บาท ทำได้แน่นอน มีแหล่งเงินแน่นอน แต่ในรายละเอียดขอเวลาพิจารณา และเมื่อเสร็จแล้วจะชี้แจงให้ทราบ ภายในไม่เกินหนึ่งเดือนนี้ โดยจะใช้ข้อมูลจาก แอปเป๋าตัง เป็นฐานข้อมูล ในการเขียนบล็อกเชน
“ตอนนี้ ยังไม่อยากพูดไป เพราะยังไม่มีความชัดเจน แล้วมาหาว่าผมเป็นคนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ใจเย็นๆนิดนึง ตอนนี้มีหลายทางเลือก (ออฟชั่น) จึงจะไปดูให้ว่าออฟชั่นไหนเหมาะสมสุด และมีผลกระทบน้อยที่สุด โดยยืนยันว่า ไม่มีการกู้เงินมาใช้ในมาตรการ ดิจิทัลวอลเล็ตแน่นอน”