สรุปข่าวประจำ วันที่ 20 กรกฎาคม 2566
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (19 ก.ค. ) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 35,061.21 จุด เพิ่มขึ้น 109.28 จุด (0.31%) หุ้นแนสแดด ปิดที่ 15,826.35 จุด ลดลง 15.00 (0.09%)เอสแอนด์พี ปิดที่ 4,565.72 จุด เพิ่มขึ้น 10.74 จุด (0.24%) ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด 1,536.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.34 จุด (0.09%) การซื้อขาย 51,760.01 ล้านบาท
น้ำมัน : PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.30 บาท/ลิตร ส่วน Premium GSH95 และกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 20 ก.ค. 2566 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 45.04, GSH95 = 37.25, E20 = 34.94, GSH91 = 36.98, E85 = 35.39, พรีเมี่ยม GSH95 = 42.94, HSD-B7 = 31.94, HSD-B10 = 31.94, HSD-B20 = 31.94, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 38.94 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
บางจากฯ ปรับราคาน้ำมันเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด +30 สต. ยกเว้น Hi Premium 97 ไม่ปรับ สำหรับกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม BCP Retail Price : GSH95S EVO 37.25/ GSH91S EVO 36.98 / GSH E20S EVO 34.94 / GSH E85S EVO 35.39 / Hi Premium 97 (GSH95++) 46.74 / Hi Diesel B20S 31.94/ Hi Diesel S 31.94 / Hi Diesel S B7 31.94 / Hi Premium Diesel S B7 39.94 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่กทม.)
ทองคำขึ้น 50 บาท : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 19 ก.ค. มีประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 31,800.00 ขายออกบาทละ 31.900.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 51,760.01 บาท ขายออกบาทละ 32,400.00 บาท ราคาทองคำขึ้น 50 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 18 ก.ค.
เงินบาทแข็งค่าขึ้น : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (19 ก.ค.) แข็งค่าขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 34.2215 บาท บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 44.7010 บาทต่อ 1 ปอนด์, 38.5697 บาทต่อ 1 ยูโร, 24.8075 บาท ต่อ 100 เยน, 4.3996 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.9921 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.6067 บาท ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
SC ขายหุ้น 2 พันล้าน เกลี้ยงบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2566 จำนวน 2 ชุด คือ ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.31% ต่อปี และ ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี รวม 2 ชุดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต โดยสามารถจำหน่ายได้ครบมูลค่าที่ตั้งเป้า
อาคม ไม่หวั่นคลังถังแตกนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผย วงเงินตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ที่เหลือเพียง 18,000 ล้านบาท คาดว่า ยังเพียงพอต่อความต้องการใช้เงินของรัฐบาล ซึ่งปัจจุบัน กรอบวงเงินในการใช้จ่ายตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง อยู่ที่ 32% ลดลงจากเดิมที่ได้มีการขยายเป็น 35% ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนจะต้องมีการขยายเพดานเพิ่มหรือไม่นั้น คงต้องดูความจำเป็น และต้องนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังพิจารณา ขณะนี้เห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องขยายเพิ่ม และมองว่ากรอบวงเงินดังกล่าว ควรกลับไปอยู่ในระดับที่ 30% ตามเดิม เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการคลัง
โหวตคว่ำพิธาที่ประชุมรัฐสภา ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง พิจารณาการโหวตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวว่าขอให้ที่ประชุมลงมติ ว่า การเสนอชื่อนายพิธาให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ อีกรอบขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อ 41 หรือไม่ โดยผลการลงมติ พบว่า เสียงข้างมาก 395 เสียง ต่อ 317 เสียง งดออกเสียง 8 เสียงไม่ลงคะแนน1 คือไม่เสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ในสมัยประชุมนี้ สั่งพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีการถือหุ้นสื่อ ประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกร้องอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภาและที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย