สรุปข่าวประจำ วันที่ 14 กรกฎาคม 2566
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (13 ก.ค. )
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (13 ก.ค. ) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 34,395.14 จุด เพิ่มขึ้น 47.71 จุด (0.14%) หุ้นแนสแดด ปิดที่ 15,571.98 จุด เพิ่มขึ้น 264.75 จุด(1.73%) เอสแอนด์พี ปิดที่ 4,510.04 จุด 37.88 จุด (0.85%) ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด 1,494.02 จุด เพิ่มขึ้น 2.88 จุด (0.19%) การซื้อขาย 40,451.79 ล้านบาท
น้ำมัน : PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.30 บาท/ลิตร ส่วน Premium GSH95 และกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 14 ก.ค. 2566 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 44.44, GSH95 = 36.65, E20 = 34.34, GSH91 = 36.38, E85 = 34.79, พรีเมี่ยม GSH95 = 42.94, HSD-B7 = 31.94, HSD-B10 = 31.94, HSD-B20 = 31.94, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 38.94 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
บางจากฯ ปรับราคาน้ำมันเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด +30 สต. ยกเว้น Hi Premium 97 ไม่ปรับ สำหรับกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม BCP Retail Price : GSH95S EVO 36.65/ GSH91S EVO 36.38 / GSH E20S EVO 34.34 / GSH E85S EVO 34.79 / Hi Premium 97 (GSH95++) 46.74 / Hi Diesel B20S 31.94/ Hi Diesel S 31.94 / Hi Diesel S B7 31.94 / Hi Premium Diesel S B7 39.94 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่กทม.)
ทองคำขึ้น 50 : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 13 ก.ค. มีประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 31,850.00 ขายออกบาทละ 32.000.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 31,381.20 บาท ขายออกบาทละ 32,450.00 บาท ราคาทองคำขึ้น 50 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 12 ก.ค.
เงินบาทแข็งค่าขึ้น : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (13 ก.ค.) แข็งค่าขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 34.7699 บาท บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 45.4425 บาทต่อ 1 ปอนด์, 38.9216 บาทต่อ 1 ยูโร, 25.3519 บาท ต่อ 100 เยน, 4.4678 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 26.3245 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.6068 บาท ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
พิธา ชวดนายกฯสำหรับผลการลงมติในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่อาคารรัฐสภา ปรากฏว่า สมาชิกรัฐสภาเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง ทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกฯ เนื่องจากมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดว่าบุคคลที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
พิธา ไม่ถอยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงมติว่า ยอมรับผลการลงมติที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่ามีการกดดัน ส.ว. และมี ส.ว. ไม่มาประชุมราว 40 คน ทำให้การลงคะแนนไม่ตรงตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณ ส.ว. ทั้ง 13 คนที่กล้าหาญและลงมติตามที่เคยสัญญากับประชาชน โดยตนยืนยันว่ายังไม่ยอมแพ้ จะใช้เวลาหลังจากนี้หายุทธศาสตร์เพื่อรวบรวมเสียง มุ่งหน้าสู่การลงมติครั้งที่ 2 ซึ่งขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาว่าจะกำหนดเป็นวันใด
หวั่นการเมืองกระทบ ศก.นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ถ้าการเมืองกระทบการท่องเที่ยว จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพียงเดือนละ 1 ล้านคน จากเดิมเดือนละ 2-3 ล้านคน ซึ่งถ้าสถานการณ์ทางการเมืองบานปลาย ต้องลากยาวไปถึง 6 เดือน หรือถ้าการชุมนุมเกิดขึ้นตั้งแต่ก.ค. ถ้ารุนแรงและทำให้นักท่องเที่ยวกลัว นักท่องเที่ยวจะหายไปครึ่งหนึ่ง หรือนักท่องเที่ยวหายไป 10 ล้านคน รายได้หายไป 500,000 ล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยลดลงประมาณ 1%
ปราบบุหรี่เถื่อนนายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการการเข้าตรวจค้นร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่หนีภาษี โดยพบว่ามีการกระทำผิดนำบุหรี่หนีภาษีมาจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงได้มีการจับกุมผู้ดูแลร้านค้าทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ร้านฟาสต์สโตร์ ตั้งอยู่ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1 ร้าน GIN ตั้งอยู่ถนนตันรัตนาการ และร้านค้าไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ ถนนตันรัตนาการ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยกรมสรรพสามิตได้ลงโทษผู้กระทำผิดด้วยการแบล็กลิสต์เจ้าของและสถานที่ตั้งของร้าน ไม่อนุญาตให้จำหน่ายบุหรี่หรือเหล้าในระยะเวลา 5 ปี