สรุปข่าวประจำ วันที่ 27 เมษายน 2566
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (26 เม.ย. )
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (26 เม.ย. ) ปิดที่ 33,301.87 จุด ลดลง228.96 จุด (0.68%) หุ้นแนสแดด ปิดที่ 12,806.49 จุด เพิ่มขึ้น 78.39 จุด (0.62%)เอสแอนด์พี ปิดที่ 4,055.99 จุด ลดลง
15.64 จุด (0.38%)ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด(26 เม.ย.) ที่ระดับ 1,543.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.75 จุด (0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 42,482.43 ล้านบาท
น้ำมัน : PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.40 บาท/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 27 เม.ย. 2566 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 44.36, GSH95 = 36.55, E20 = 34.24, GSH91 = 36.28, E85 = 34.69, พรีเมี่ยม GSH95 = 44.04, HSD-B7 = 32.94, HSD-B10 = 32.94, HSD-B20 = 32.94, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 42.06 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
บางจากฯ ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด +40 สต. สำหรับ Hi Premium 97 +60 สต. และกลุ่มดีเซลราคาคงเดิม BCP Retail Price : GSH95S EVO 36.55 / GSH91S EVO 36.28 / GSH E20S EVO 34.24 / GSH E85S EVO 34.69 / Hi Premium 97 (GSH95++) 46.94/ Hi Diesel B20S 32.94/ Hi Diesel S 32.94 / Hi Diesel S B7 32.94 / Hi Premium Diesel S B7 42.16 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ กทม.)
ทองคำคงที่ : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 32,300.00 ขายออกบาทละ 32,400.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 31,714.72 ขายออกบาทละ 32,900.00 บาท ราคาทองคำคงที่ เมื่อเทียบกับวันที่ 25 เม.ย.
เงินบาทแข็งค่าขึ้น : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (26 เม.ย.) แข็งค่าขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 34.273 บาท บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 34.4535 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 43.0268 บาทต่อ 1 ปอนด์, 38.0212 บาทต่อ 1 ยูโร, 26.0423 บาท ต่อ 100 เยน, 4.4128 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.9411 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.8001 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
รทสช.ชูหารายได้ 4 ล้านล้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดนโยบายชุดใหญ่ หาเงินเข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท มาจากนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ในส่วนของการ ทำแล้ว คือ การลงทุนในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีการคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ ที่สมบูรณ์สามารถลดค่าขนส่งสินค้าภายในประเทศ และที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้เป็นอย่างดีมาก ในส่วนของที่ทำแล้วยังมีเรื่องของโครงสร้างดิจิทัลที่สมบูรณ์ ที่ได้ช่วยเยียวยาประชาชนผ่านแอพเป๋าตัง และโครงการคนละครึ่ง ซึ่งไปถึงประชากรมากกว่า 45 ล้านคนที่ได้ประโยชน์
เศรษฐา ย้ำ ไม่กู้สักบาท นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตั้งแต่ไทยรักไทย จนถึงเพื่อไทย นโยบายที่เราเสนอมักจะถูกปรามาสเสมอว่าทำไม่ได้จริง เพ้อฝัน ไม่เกิดประโยชน์ แต่กาลเวลาได้พิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนว่าพรรคเราไม่ใช่แค่คิดใหญ่ แต่เราทำเป็นด้วย และนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็เป็นเรื่องที่เราคิดใหญ่ แต่วันนี้ ผมชวนให้ท่านคิดว่าทำไมเราถึงมั่นใจว่าเรา “ทำเป็น” และนี่คือนโยบายที่ผ่านการคิดและไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และขอชี้แจงชัดๆว่าที่มาของงบประมาณนโยบายนี้ ไม่จำเป็นต้องกู้สักบาทเดียว และที่สำคัญการหมุนเวียนของเงิน จะสามารถจ่ายคืน (Payback) ค่าใช้จ่ายในนโยบายนี้ได้ด้วยตัวเอง ในตลอดระยะเวลาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
พปชร.ผุดแจก 30,000 เกษตรกร นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธานฯ ได้ให้ความเห็นชอบกับการออกนโยบายเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง จำนวน 3 นโยบาย หนึ่งในนั้นคือ “นโยบายช่วยเหลือให้ทุนการเพาะปลูกของเกษตรกร” ซึ่งจะได้รับครัวเรือนละ 30,000 บาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยทั่วประเทศ ทั้งชาวนา ชาวไร่ ให้เกิดความเข้มแข็งจากทุนรอนที่จะใช้ในการประกอบอาชีพ โดยที่เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครัวเรือน จะได้รับเงินโอนตรงเข้าบัญชีที่มีอยู่กับธนาคารทันที
ขายพันธบัตรออมทรัพย์ 40,000 ล้าน นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า สบน. จะเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมอุ่นใจ วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) การจำหน่ายพันธบัตรให้แก่ประชาชน วงเงิน 35,000 ล้านบาท ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ วอลเล็ต สบม. ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง วงเงิน 10,000 ล้านบาท และผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย วงเงิน 25,000 ล้านบาท และ 2) การจำหน่ายพันธบัตรให้กับนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด วงเงิน 5,000 ล้านบาท