สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 4 เม.ย. 66
ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนัก
ถึงหนักมากบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช (95 มม.) จ.สงขลา (94 มม.) และ จ.พัทลุง (79 มม.)
น้ำใช้การแหล่งน้ำทุกขนาด 26,480 ล้าน ลบ.ม. (46%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,830 ล้าน ลบ.ม. (46%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
กองทัพบก ได้จัดกำลังพลจิตอาสาของหน่วย ร่วมกับผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในการแจกจ่ายน้ำ ห้วงภัยแล้ง จำนวน 18,000 ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.ท่าแค อ.เมือง จ.ลพบุรี และกองทัพบก ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองปาง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสาภายในชุมชน ร่วมมือกันสร้างฝายชะลอน้ำแบบกึ่งถาวร “ฝายแม้ว” เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้อุปโภค-บริโภค ลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง ในพื้นที่ คลองไพร
ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง
นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์ภัยแล้งใกล้ชิด ย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งลดผลกระทบพื้นที่ประกาศภัยแล้ง บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน พร้อมเตรียมการรองรับพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพิ่มพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งใกล้ชิดหลังมีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 1 อำเภอ คือ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นการประกาศเขตภัยแล้งจังหวัดแรกในรอบปี 2566นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการและเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง และผู้ว่าราชการจังหวัดอื่นๆ เฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาที่เหลือ โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีที่หลายพื้นที่อาจเกิดสถานการณ์ขาดแคลนน้ำได้ โดยขอให้ทุกพื้นที่เตรียมการความพร้อมในทุกด้านทั้งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพิ่ม ทั้งน้ำอุปโภค-บริโภค และพื้นที่เกษตร พร้อมขอให้ทุกจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเกิดประโยชน์สูงสุด และประหยัดน้ำต่อเนื่องเพื่อให้มีน้ำไว้ใช้อย่างเพียงพอในช่วงฤดูแล้ง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 4 เมษายน 2566 ดังนี้
- ผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2565/66
กองทัพบกร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในการแจกจ่ายน้ำ ห้วงภัยแล้งในพื้นที่ชุมชนรอบหน่วย จำนวน 18,000 ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค ณ หมู่ 2 ต.ท่าแค อ.เมือง จ.ลพบุรี - สภาพอากาศ
ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมีลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง - แหล่งน้ำทั่วประเทศ
3.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การ 26,320 ล้าน ลบ.ม. (45%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่38 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 21,643 ล้าน ลบ.ม. (45%) ขนาดกลาง 369 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 2,924 ล้าน ลบ.ม. (58%) และขนาดเล็ก 139,903 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 1,753 ล้าน ลบ.ม. (35%)
3.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ)ปริมาณน้ำใช้การ 8,114 ล้าน ลบ.ม. (45%) - การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
วานนี้ 3 เม.ย. 66 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จัดงาน“วันน้ำบาดาลแห่งชาติ” ภายใต้แนวคิด “รวมใจภักดิ์รักษ์น้ำบาดาล” สร้างการรับรู้ให้ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเล็งเห็นความสำคัญของวันที่ 3 เมษายนของทุกปีซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้เป็น “วันน้ำบาดาลแห่งชาติ” (National Groundwater Day) สืบเนื่องจาก เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่บ้านปากชัดหนองบัว หมู่ที่ 2 ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นการกำหนดวันในเชิงสัญลักษณ์เพื่อใช้ในการรณรงค์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้น้อมรำลึกและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์กับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำบาดาล และร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานในการร่วมกันดูแลรักษา ปกป้องทรัพยากรน้ำบาดาลให้เกิดความยั่งยืนตลอดไป