สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 23 ม.ค. 66
ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกปานกลางถึงหนักบริเวณ จ.กระบี่ (85 มม.) จ.นราธิวาส (66 มม.) และ จ.สตูล (33 มม.)
น้ำใช้การแหล่งน้ำทุกขนาด 38,862 ล้าน ลบ.ม. (67%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 31,365 ล้าน ลบ.ม. (66%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
กรมทรัพยากรน้ำ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเหมาะสม กรณีขอพระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ ต.ยางงาม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากการขาดแคลนน้ำ สำหรับอุปโภคบริโภค และการเกษตร มีพื้นที่รับประโยชน์ 2,200ไร่ 945 ครัวเรือน โดยมีผู้ขอพระราชทานโครงการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้ข้อมูล
ตามข้อสั่งการของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. ให้กรมชลประทาน ร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.สกลนคร ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าดำเนินการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำในหนองหาร หวังเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำและควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ดี
ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้นำรถแบคโฮลงโป๊ะ จำนวน 15 ชุด บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมประมง หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 26 สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย (นพค.26) เข้าไปกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในหนองหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง รวมทั้งยังช่วยป้องกันผลกระทบจากน้ำเน่าเสีย และรักษาคุณภาพน้ำสำหรับใช้ในการผลิตน้ำประปาในพื้นที่ให้ดีอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวหนองหารอีกด้วย โดยมีแผนกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในหนองหาร ในระยที่ 1 (ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 65 – 31 ม.ค. 66) ครอบคลุมพื้นที่ ต.ดอนเสาธง ต.นาดอกไม้ ดอนตาลโง๊ะ และ ดอนเชียงคูณ พื้นที่ประมาณ 2,615 ไร่ ปัจจุบันได้กำจัดผักตบชวาและวัชพืชในระยะเร่งด่วนไปแล้วประมาณ 1,085 ไร่ จากแผนดำเนินการที่วางไว้ 1,350 ไร่
ส่วนที่เหลือจะเร่งกำจัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมนี้ ในพื้นที่หนองหาร จากการสำรวจพบว่ามีปริมาณวัชพืชรวมประมาณ 3,924,931 ตัน มีการวางแผนกำจัดวัชพืชเป็น 2 ระยะ โดยแผนในระยะที่ 1 (ระยะเร่งด่วน) ทุกภาคส่วนได้บูรณาการร่วมกันเพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าภายใน 2 เดือน(ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 65 –31 ม.ค. 66) คาดว่าจะสามารถกำจัดวัชพืชได้รวม 503,134 ตัน และหลังจากนั้นจะดำเนินการในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 23 ม.ค. 2566 ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2565/66
กรมชลประทาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสกลนคร ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าดำเนินการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำในหนองหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง รวมทั้งยังช่วยป้องกันผลกระทบจากน้ำเน่าเสีย และรักษาคุณภาพน้ำสำหรับใช้ในการผลิตน้ำประปาในพื้นที่ให้ดีอยู่เสมอ
2. สภาพอากาศ
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่าง และภาคใต้ ยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า
3. แหล่งน้ำทั่วประเทศ
3.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การ 38,862 ล้าน ลบ.ม. (67%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 31,365 ล้าน ลบ.ม. (66%) ขนาดกลาง 369 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 4,348 ล้าน ลบ.ม. (86%) และขนาดเล็ก 139,903 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 3,147 ล้าน ลบ.ม. (62%)
3.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ปริมาณน้ำใช้การ 12,076 ล้าน ลบ.ม. (66%)
4. ผลการจัดสรรน้ำ (สะสมตั้งแต่ 1 พ.ย. ถึงปัจจุบัน)
4.1 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถจัดสรรน้ำได้มีจำนวน 35 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การทั้งสิ้น 31,122 ล้าน ลบ.ม. (66%) มีแผนการจัดสรรน้ำ 21,913 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 6,947 ล้าน ลบ.ม. (32%)
4.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีแผนการจัดสรรน้ำ 8,600 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 2,787ล้าน ลบ.ม. (32%)
5. การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดโครงการ Climate Action Leaders Forum (CAL Forum) รุ่น 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตสภาพภูมิอากาศ และความสำคัญของการดำเนินงานลดโลกร้อน ด้วยความรับผิดชอบร่วมในระดับที่แตกต่าง และสร้างเวทีสื่อสาร แลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ เพื่อนำไปสู่บทบาทการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านผู้นำจากทุกภาคส่วน และบรรลุตามเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Greenhouse Gas Emission ของประเทศต่อไป