สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 9 ม.ค. 66
บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก มีฝนเล็กน้อย ส่วนภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักมากบริเวณ จ.ยะลา (218 มม.) จ.ปัตตานี (175 มม.) และจ.นราธิวาส (158 มม.)
น้ำใช้การแหล่งน้ำทุกขนาด 40,519 ล้าน ลบ.ม. (70%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 32,837 ล้าน ลบ.ม. (69%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
กอนช. ขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำผ่านศูนย์ฯ ส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้
ตามประกาศ กอนช. ฉบับที่ 1/2566 เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในช่วงวันที่ 6 – 11 ม.ค. 66ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงานฯ เพื่อเฝ้าระวัง ติดตามสภาพอากาศ และรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ โดยที่ประชุมมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
กรมชลประทาน คาดการณ์สถานการณ์น้ำท้ายเขื่อนปัตตานี พร้อมประสานงานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิจารณาปรับลดการระบายน้ำเขื่อนบางลาง เพื่อลดผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำ
กรมประชาสัมพันธ์ ชี้แจ้งผลการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม และเป็นการกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้งให้ประชาชนรับทราบ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์น้ำในภาคใต้ เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้ใช้ในฤดูแล้งได้อย่างพอเพียงสอดคล้องกับ 10 มาตรการฤดูแล้ง ปี 2565/2566
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 9 ม.ค. 2566 ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2565/66
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดำเนินการเจาะบ่อน้ำบาดาล ตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 300 ไร่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ บ้านเนินมะเกลือ หมู่ที่ 6 ตำบลท่าหมื่นราม อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
2. สภาพอากาศ
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง และมีแนวโน้มเคลื่อนเข้าใกล้บริเวณปลายแหลมญวน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
3. แหล่งน้ำทั่วประเทศ
3.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การ 40,519 ล้าน ลบ.ม. (70%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 32,837 ล้าน ลบ.ม. (69%) ขนาดกลาง 369 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 4,532 ล้าน ลบ.ม. (89%) และขนาดเล็ก 139,903 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 3,151 ล้าน ลบ.ม. (62%)
3.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ปริมาณน้ำใช้การ 12,827 ล้าน ลบ.ม. (71%)
4. ผลการจัดสรรน้ำ (สะสมตั้งแต่ 1 พ.ย. ถึงปัจจุบัน)
4.1 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถจัดสรรน้ำได้มีจำนวน 35 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การทั้งสิ้น 32,562 ล้าน ลบ.ม. (69%) มีแผนการจัดสรรน้ำ 21,913 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 5,282 ล้าน ลบ.ม. (24%)
4.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีแผนการจัดสรรน้ำ 8,600 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 1,952 ล้าน ลบ.ม. (23%)
5. การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO) เข้าหารือกับ JICA ถึงความร่วมมือในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มลพิษทางเสียง หมอกควันข้ามแดนในระดับทวิภาคี และการจัดการขยะทะเลในระดับภูมิภาค พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ low carbon society ซึ่งจะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง