ชาวเหนือแห่ใช้บริการแบงก์แก้หนี้ 1.2 พันรายการ
ผลการจัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้“มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 16 – 18 ธ.ค. 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการอย่างหนาแน่นเช่นเดียวกับการจัดงานทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยมีจำนวนรายการที่ขอรับบริการภายในงานมากกว่า 4,500 รายการ”
การจัด “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นประธานเปิดงานและเยี่ยมชมงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวปาฐกถาถึงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอและมั่นคงต่อการดำรงชีพ โดยงานมหกรรมครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้สินได้อย่างครอบคลุมและตรงจุด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาวต่อไป
ผลของการจัดงานมหกรรมประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยมีจำนวนรายการที่ขอรับบริการภายในงานมากกว่า 4,500 รายการ ประกอบด้วยการขอแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิม จำนวนมากที่สุดกว่า 1,600 รายการ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากงานมหกรรมครั้งที่ 3 ได้รับความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์มาร่วมออกบูธเพิ่มเติมด้วย ดังนั้น ในครั้งต่อ ๆ ไปจะมีธนาคารพาณิชย์มาร่วมออกบูธภายในงานด้วยเช่นกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินภายในงานครอบคลุมความต้องการของประชาชนและผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น รองลงมา คือ การขอรับคำปรึกษาด้านการเงินและแนวทางในการประกอบอาชีพกว่า 1,200 รายการ การขอสินเชื่อเพิ่มเติมกว่า 600 รายการ และการเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อส่งเสริมการออม การตรวจข้อมูลเครดิตโดยบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด การจำหน่ายทรัพย์ NPA จากทั้งสถาบันการเงินและบริษัทเอกชน เป็นต้น ประมาณ 1,100 รายการ
ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนทำได้ต่อเนื่องและครอบคลุมประชาชนในทุกพื้นที่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐจึงมีแผนที่จะจัดงานครั้งต่อ ๆ ไป อีก 2 ครั้ง ในภาคตะวันออก และภาคใต้ ดังนี้
ครั้งที่ 4 จังหวัดชลบุรี วันที่ 20 – 22 ม.ค. 2566 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน
ครั้งที่ 5 จังหวัดสงขลา วันที่ 27 – 29 ม.ค. 2566 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นอกเหนือจากการจัดงานมหกรรมรูปแบบสัญจรแล้ว กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยยังได้จัดให้มีการลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 2565 ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2566 ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออนไลน์นี้ครอบคลุมสินเชื่อทุกประเภท เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เป็นต้น และเป็นการรวบรวมเจ้าหนี้ไว้มากที่สุด รวมทั้งครอบคลุมประเภทสินเชื่อมากที่สุด โดยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์มากกว่า 170,000 ราย คิดเป็นจำนวนรายการสะสมมากกว่า 380,000 รายการ ประกอบด้วย ลูกหนี้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 35% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19% ภาคกลาง 12% และภาคอื่น ๆ 34% ของลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด และประเภทสินเชื่อที่มีการลงทะเบียนสูงสุด คือ บัตรเครติดและสินเชื่อส่วนบุคคล 75% สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 6% และจำนำทะเบียนรถ 4%
ดังนั้น ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานมหกรรมสัญจรได้ทางเว็บไซต์ https://ln15.gsb.or.th/WEB-DEBT หรือ Scan QR Code ท้ายแถลงข่าว หรือแจ้งความประสงค์เข้าร่วมงานได้ที่หน้างานมหกรรม และสามารถลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2566 ได้ทางเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/DebtFair หรือ Scan QR Code ท้ายแถลงข่าว
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ขอเชิญชวนประชาชนหรือผู้ประกอบการที่สนใจให้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ได้ทั้งระบบออนไลน์ หรือเข้าร่วมงานมหกรรมสัญจรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2 ครั้ง ในเดือนม.ค.2566 โดยครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี วันที่ 20 – 22 ม.ค. 2565 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน หรือสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากสาขาของสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศได้เช่นกัน”