Skip to content
Thu. Aug 28th, 2025
  • Facebook
  • Twitter
AEC10NEWS

AEC10NEWS

Primary Menu
  • Home
  • NEWS
    • BREAKING NEWS
    • CHINA NEWS
    • ENERGY FORCE
    • EDITOR TALK
    • MONEY MOVEMENT
    • NATIONAL
    • OPEN NEWS
    • POLITICS
    • WORLD
    • ดวงประจำวัน
  • ASEAN
    • Brunei
    • Cambodia
    • Indonesia
    • Laos
    • Malaysia
    • Myanmar
    • Philippines
    • Singapore
    • Vietnam
  • EEC
  • SPECIAL REPORT
  • BUSINESS
    • BUSINESS MOVEMENT
    • HOT MARKETS
    • PHOTO STORIES
  • HOT NEWS
  • NATIONAL

วิกฤติอาหารโลก (Global food crisis) โอกาสท่ามกลางความเสี่ยงในระยะยาวสำหรับไทย

21/11/2022 1 min read
  • LINEแชร์เลย!
ดูแล้ว: 1,107

วิกฤติอาหารโลกมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันวิกฤติอาหารโลก (Global food crisis) มีแนวโน้มขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ในระบบนิเวศน์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่าวิกฤติอาหารโลกที่เกิดขึ้นรอบนี้มีสาเหตุหลักมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) การแพร่ระบาดของ COVID-19 2) สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ 3) การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านอุปทานและอุปสงค์ในตลาดอาหารโลกในวงกว้างอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตอาหารโลกตั้งแต่ระดับต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

ในระยะสั้น ไทยมีโอกาสได้รับอานิสงส์จากการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกเพิ่มขึ้น

ภายใต้สถานการณ์วิกฤติอาหารโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไทยจะได้รับประโยชน์จากการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ในฐานะประเทศผู้ส่งออกผลิตผลทางการเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารลำดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในฐานะครัวโลก (Kitchen of the world) มาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลายและมีคุณภาพ รวมทั้งยังมีศักยภาพการผลิตในปริมาณที่มากเพียงพอสำหรับป้อนความต้องการบริโภคภายในประเทศและเหลือสำหรับส่งออกอีกด้วย สะท้อนได้จากปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญบางสินค้า เช่น น้ำมันปาล์ม ซึ่งได้รับประโยชน์โดยตรงในฐานะสินค้าทดแทนและปรับตัวสูงขึ้นมากหลังจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปะทุขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งมีผลให้อุปทานน้ำมันดอกทานตะวันจากทั้งสองประเทศหายไปทางตลาดโลก

อย่างไรก็ดี วิกฤติอาหารโลกก็กำลังกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาในระยะยาว

แม้ว่าในระยะสั้น ไทยจะได้ร้บอานิสงส์จากการส่งออกสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ความกังวลในเรื่อง Food security กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้และมีความพยายามที่จะพึ่งพาตนเอง (Self-reliance) ด้านอาหารมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากต่างประเทศท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น  โดยได้เริ่มมีการวาง Roadmap ในเรื่องนโยบายความมั่นคงด้านอาหารกันอย่างจริงจังมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อแนวโน้มการ

ส่งออกสินค้าในกลุ่มธัญพืช พืชอาหาร ผลไม้ เนื้อสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารของไทยในระยะยาว ทั้งในแง่ความต้องการนำเข้าอาหารจากประเทศคู่ค้าของเราที่อาจทยอยปรับลดลง หรือแม้แต่การที่คู่ค้าบางรายอาจพัฒนาศักยภาพการผลิตอาหารจนสามารถผันตัวเองมาเป็นคู่แข่งของไทยในอนาคต

ไทยจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การเติบโตอย่างครบวงจรตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร

อนึ่งความเสี่ยงและความท้าทายที่เกิดขึ้น เป็นตัวเร่งให้ไทยต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสม อาทิ Indoor farming หรือ Vertical farming หรือแม้แต่การมุ่งเน้นไปที่การทำการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision agriculture) เพื่อลดต้นทุนการเพาะปลูกและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ (Yield) รวมถึงการปรับปรุงสายพันธุ์เพื่อพัฒนาคุณภาพและรสชาติของผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น รวมถึงการมองหาโอกาสในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน การผลิตอาหารโลกแห่งอนาคต เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารเชิงนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นให้กับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์การเติบโตแบบ Value-based economy ในอนาคตต่อไป

วิกฤติความมั่นคงด้านอาหารของโลกมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากหลายปัจจัย

ปัจจุบันวิกฤติอาหารโลก  (Global food crisis) มีแนวโน้มขยายวงกว้างและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ในระบบนิเวศ ที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตอาหารในระดับต้นน้ำทั้งในส่วนของการทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ระดับกลางน้ำอย่างการแปรรูปและผลิตอาหาร เรื่อยมาจนถึงปลายน้ำอย่างการค้าขายและขนส่งสินค้าต่อไปยังผู้บริโภคขั้นสุดท้ายในห่วงโซ่การผลิตอาหาร ซึ่งวิกฤติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในรอบนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาและสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกต้องตระหนักและเตรียมพร้อมรับมือ สอดคล้องกับรายงานของ Global Report on Food Crises ประจำปี 2022 ซึ่งระบุว่า ประชากรมากถึงเกือบ 193 ล้านคนใน 53 ประเทศทั่วโลก กำลังเผชิญกับปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหารอย่างเฉียบพลัน

ทั้งนี้จากการศึกษาข้อมูลพบว่าวิกฤติอาหารโลกรอบนี้เกิดจากสาเหตุหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1) การแพร่ระบาดของ COVID-19 2) สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ 3) การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก (รูปที่ 1)

สำหรับสาเหตุหลักประการแรก คือการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยน (Turning point) สำคัญที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวเร่งที่เข้ามาเพิ่มแรงกดดันต่อวิกฤติความมั่นคงด้านอาหาร ที่มีอยู่ก่อนแล้วให้กลับยิ่งเลวร้ายลงไปอีก รวมทั้งยังส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลกทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน

สำหรับผลกระทบต่ออุปสงค์นั้น แม้ว่า COVID-19 จะมีผลให้ความต้องการสินค้าอาหารและเครื่องดื่มบางประเภทปรับตัวลดลงโดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีพและสินค้าที่มีราคาค่อนข้างแพง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ซบเซาและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แต่ในขณะเดียวกันสถานการณ์ดังกล่าวก็ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าบางประเภทเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ตัวอย่างเช่น น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำผลไม้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ ข้าวสาร อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง ผลไม้กระป๋อง ถั่วและผลไม้อบแห้ง ซีเรียล กาแฟสำเร็จรูป นมข้นหวาน รวมทั้งเครื่องปรุงรสและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในประกอบอาหารต่าง ๆ เช่น น้ำมันพืช ซอสปรุงรสต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่จำเป็นในการดำรงชีพและสามารถเก็บไว้บริโภคได้นานโดยไม่เน่าเสียง่าย ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีการกักตุนสินค้าประเภทเหล่านี้ไว้สำหรับบริโภคภายในครัวเรือนในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้สินค้าอาหารและเครื่องดื่มบางประเภทขาดแคลนในระยะสั้น ๆ

ขณะที่ด้านอุปทาน เป็นผลกระทบต่อเนื่องที่มาจากการที่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอาหารโลกต้องสะดุดลง (Supply chain disruption) ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการปิดประเทศชั่วคราว มาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งการจำกัดการเดินทางหรือการเคลื่อนย้ายและขนส่งสินค้า วัตถุดิบ รวมทั้งแรงงานระหว่างประเทศหรือระหว่างเมือง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 จนนำไปสู่ปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร

ตัวอย่างเช่นในกรณีของ “โค้ก ซีโร่” (Coke Zero) และ “ไดเอท โค้ก” (Diet Coke) ของ Coca-Cola  ที่กระบวนการผลิตต้องสะดุดลงจนเสี่ยงสินค้าขาดตลาด โดยมีสาเหตุหลักมาจากความล่าช้าในการจัดส่งวัตถุดิบสำคัญ ได้แก่ สารให้ความหวานแทนน้ำตาล (Artificial sweeteners) จากซัพพลายเออร์ในประเทศจีน หรือในกรณีของอุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์หลายแห่งในสหรัฐฯ รวมทั้งโรงงานแปรรูปเนื้อหมูรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสมิธฟิลด์ ฟูดส์ ที่จำเป็นต้องประกาศหยุดผลิตอย่างไม่มีกำหนดในช่วงไตรมาสแรกปี 2020 (First wave) หลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในโรงงานกว่า 300 คน ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบที่ค่อนข้างรุนแรงต่อผู้เล่นในห่วงโซ่การผลิตระดับต้นน้ำอย่างฟาร์มปศุสัตว์ เนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงไม่สามารถส่งปศุสัตว์ในฟาร์มไปขายยังโรงฆ่าสัตว์ โรงงานแปรรูปและโรงงานบรรจุเนื้อสัตว์ได้ อันเป็นผลมาจากการหยุดกิจการชั่วคราว จนนำไปสู่ปัญหาอุปทานล้นตลาดและวิกฤติราคาเนื้อสัตว์ในสหรัฐฯ ที่ตกต่ำลงอย่างมากในที่สุด

สาเหตุประการถัดมา คือสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงลากยาวมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2022 จนถึงปัจจุบันและยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเร็ววันนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตอาหารโลก และทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นมากจากอุปทานที่หายไปจากตลาด ทั้งนี้เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตและส่งออกธัญพืชที่สำคัญของโลกหลายชนิด (รูปที่ 2) โดยรัสเซียเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุด
ในตลาดโลก ขณะที่ยูเครนก็เป็นผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ น้ำมัน ดอกทานตะวัน (42%) ข้าวโพด (16%) ข้าวบาร์เลย์ (10%) และข้าวสาลี (9%) เป็นต้น นอกจากนี้ การสู้รบที่เกิดขึ้นยังทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยวผลผลิตในบางพื้นที่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ราคาปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรต่าง ๆ ยังปรับตัวสูงขึ้นมากอีกด้วย เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบสำหรับทำปุ๋ยเคมีรายใหญ่ของโลก ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ซึ่งเป็นปลายน้ำของห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมอาหารแพงขึ้นตามไปด้วย

อนึ่ง ภาวะสงครามที่ยื้ดเยื้อรวมทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้น ยังส่งผลให้ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารบางประเทศ ตัดสินใจดำเนินนโยบายระงับหรือจำกัดการส่งออกอาหารเป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารพื้นฐาน (Staple food) ในการดำรงชีพและน้ำมันพืช เพื่อไม่ให้กระทบต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศตนเอง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหารและสะสมสต็อกไว้เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดของ International Food Policy Research Institute (IFPRI) ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2022 พบว่าปัจจุบันมีประเทศที่ระงับหรือจำกัดการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารรวมทั้งสิ้น 22 ประเทศ โดยครอบคลุมสินค้าอาหารพื้นฐานจำนวน 29 รายการ ตัวอย่างเช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวฟ่าง เส้นพาสต้า น้ำตาล ถั่วเหลือง ข้าวโพด ธัญพืชต่าง ๆ ผักผลไม้สดและแปรรูป เนื้อไก่ เนื้อวัว เป็นต้น

สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ไม่สามารถผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศตนเอง และจำเป็นต้องพึ่งการนำเข้าอาหารจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง อาทิ ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา อีกทั้งยังกดดันให้ราคาอาหารในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย โดยจากข้อมูลพบว่าดัชนีราคาอาหารโลก (Global food price index) ขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) (รูปที่ 3) ได้ทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2020 และได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 159.7 ในเดือนมีนาคม 2022 หรือเพิ่มขึ้นราว 40%YOY ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปีอีกด้วย ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้มีการปิดท่าเรือขนส่งสินค้าต่าง ๆ ของยูเครน สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายด้านอาหารของครัวเรือนทั่วโลก และส่งผลให้วิกฤติความมั่นคงด้านอาหารยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2022 รัสเซียได้ประกาศระงับข้อตกลงขนส่งธัญพืช (Grain deal) ผ่านทะเลดำ หรือ “Black Sea Initiative”[1] โดยอ้างว่ากองเรือของรัสเชียใกล้ท่าเรือเซวาสโตโปล ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่สุดของคาบสมุทรไครเมียและเป็นท่าเรือหลักในแถบทะเลดำได้ถูกโดรนของยูเครนจำนวน 16 ลำโจมตีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เรือขนส่งสินค้าของยูเครนเกือบ 200 ลำ ต้องตัดสินใจจอดทิ้งสมออยู่ที่ท่าเรือเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการเดินเรือภายใต้ภาวะสงคราม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ราคาธัญพืช ในตลาดโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาข้าวสาลีและข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านจิตวิทยาจากความวิตกกังวลในเรื่องปริมาณธัญพืชสำคัญที่อาจจะหายไปจากตลาดโลกขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดมาเลเซียก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน จากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดอกทานตะวันที่ส่งออกจากยูเครนที่อาจชะงักงันลง

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 2 พ.ย. 2022 หรือหลังจากนั้นเพียงแค่ 2 วัน รัสเซียก็ได้กลับลำโดยออกมาประกาศเตรียมกลับเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อเปิดทางให้ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำได้อย่างปลอดภัย โดยระบุถึงสาเหตุการตัดสินใจครั้งล่าสุดว่ามีขึ้นหลังจากที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลยูเครนว่าจะไม่ใช้พื้นที่ส่งออกสินค้าเกษตรที่เรียกว่า ‘ระเบียงธัญพืช’ ในการปฏิบัติการทางทหารเพื่อโจมตีรัสเซีย ซึ่งภายหลังจากการประกาศท่าทีดังกล่าวของรัสเซีย ราคาธัญพืชสำคัญต่าง ๆ เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด และเรพซีด (Rapeseed) ได้ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน สะท้อนถึงการคลายความกังวลต่อสถานการณ์วิกฤติอาหารโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแล้วก็ตาม แต่โลกยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา ดังนั้น ความจำเป็นในการเก็บสต็อกธัญพืชพื้นฐานเหล่านี้ รวมทั้งสินค้าอาหารที่มีความจำเป็นสำหรับการดำรงชีพให้อยู่ในระดับที่มากเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศยังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นอยู่

และประการสุดท้ายคือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก หรือ Climate change ซึ่งนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่มีส่วนทำให้วิกฤติความมั่นคงด้านอาหารทั่วโลกมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นซึ่งเป็นผลจากสภาพภูมิอากาศโลกที่มีความผิดเพี้ยนจากปกติ รวมทั้งยังมีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศแบบสุดขั้วทั้งร้อนจัดและหนาวจัด คลื่นความร้อน พายุไต้ฝุ่น รวมทั้งปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม รวมไปถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น ดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด รวมไปถึงแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รูปที่ 4) ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเหมาะสมทางกายภาพในการทำเกษตรกรรม การทำฟาร์มปศุสัตว์ รวมทั้งยังมีผลต่อสภาพแวดล้อมโดยรวมในระบบนิเวศอีกด้วย และส่งผลกระทบต่อเนื่องให้ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรของโลกโดยรวมมีแนวโน้มปรับลดลง

หนึ่งในตัวอย่างที่ค่อนข้างชัดเจน คือกรณีของวิกฤติภัยแล้งที่เกิดขึ้นในฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ เมื่อช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเพาะปลูกพริกในแหล่งผลิตหลักอย่างรัฐแคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะแถบบริเวณ Central valley ซึ่งวิกฤติที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ผู้ผลิตซอสพริกชื่อดังอย่างแบรนด์ “Huy Fong Foods” จำเป็นต้องหยุดผลิตชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนดจากการขาดแคลนวัตถุดิบอย่างพริกขี้หนูสีแดงสำหรับผลิตซอสพริกดังกล่าว อีกทั้งผลผลิตพริกที่เก็บเกี่ยวได้ก็ยังไม่มีคุณภาพอีกด้วย ซึ่งนอกจากจะกระทบโดยตรงกับผู้บริโภคในระดับปลายน้ำของห่วงโซ่การผลิตแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ร้านอาหารและสถานบริการต่าง ๆ
ที่จำเป็นต้องใช้ซอสพริกชนิดนี้เป็นส่วนผสมหรือเครื่องปรุงอีกด้วย นอกจากนี้ วิกฤติภัยแล้งที่เกิดขึ้นยังส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ เช่น กระเทียม มะเขือเทศ และอโวคาโด และทำให้ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก

หรือแม้แต่ในกรณีของภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำทะเลและแม่น้ำทั่วโลกอุ่นขึ้น และกลายเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้ปลาและสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ สูญพันธุ์ลง โดยข้อมูลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และรายงานของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมพบว่า บรรดาปลาสายพันธุ์ต่าง ๆ มีความเสี่ยงสูงมากจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะไข่ปลาและตัวอ่อนของปลาที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะโลกร้อนในมหาสมุทรมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้งานวิจัยชิ้นนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเมื่ออุณหภูมิของโลกสูงขึ้นถึง 5 องศาเซลเซียสจากภาวะโลกร้อน จะส่งผลให้สายพันธุ์ปลาต่าง ๆ ทั่วโลกมากถึง 60% ไม่สามารถรับมือกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ และสูญพันธุ์ลงภายในปี 2100 หรืออีกเพียงแค่ราว 1 ชั่วอายุคน (78 ปี) ต่อจากนี้

สำหรับในระยะสั้น ไทยมีโอกาสได้รับอานิสงส์จากทั้งปริมาณการส่งออกและราคาสินค้าเกษตรและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น

EIC มองว่าการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารของไทยน่าจะได้รับประโยชน์จากวิกฤติขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้น เนื่องจากไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารลำดับต้น ๆ ของโลก (รูปที่ 5) และมีบทบาทสำคัญในฐานะครัวโลก (Kitchen of the world) อยู่แล้ว เนื่องจากมีผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลายและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก อีกทั้งยังสามารถผลิตได้ในปริมาณที่มากเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศและส่งออก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรที่เป็นพืชอาหารสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง น้ำตาล ซึ่งไทยเป็นผู้นำหรือผู้ส่งออกลำดับต้น ๆ ในตลาดโลกอยู่แล้ว รวมทั้งผลไม้สดอย่างทุเรียน หรือสินค้าเกษตรและประมงแปรรูปอย่างสับปะรดกระป๋องและทูน่ากระป๋อง ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพทางการแข่งขันและครองตำแหน่งผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกมาอย่างยาวนาน

ตัวอย่างที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน คือผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีส่วนช่วยผลักดันให้การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยบางตัวปรับตัวดีขึ้นจากปกติค่อนข้างมาก อาทิ ปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของไทยในช่วงเดือน เม.ย.-ก.ย. 22 ที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 37.7%YOY ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากการส่งออกไปเพื่อทดแทนการส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันจากยูเครนและรัสเซียที่หายไปจากตลาด ซึ่งทั้งสองประเทศถือเป็น Supplier หลักของน้ำมันดอกทานตะวันในตลาดโลก โดยมีปริมาณส่งออกรวมกันมากถึงกว่า 60% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ การส่งออกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากนโยบายระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มชั่วคราวเป็นระยะเวลาราว 1 เดือน (เมษายน-พฤษภาคม 2022) ของอินโดนีเซียเพื่อกักตุนน้ำมันปาล์มไว้ใช้เองในประเทศ รวมไปถึงปัญหาขาดแคลนแรงงานในสวนปาล์มของมาเลเซีย ซึ่งอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังช่วยหนุนให้ราคาส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในช่วงเวลาดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

แต่ในทางกลับกัน วิกฤติความมั่นคงด้านอาหารโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น กำลังกลายเป็นความเสี่ยงในระยะยาวสำหรับประเทศผู้ส่งออกอาหารอย่างไทย

แม้ว่าในระยะสั้น ไทยจะได้ร้บอานิสงส์จากการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าความกังวลเกี่ยวกับเรื่อง Food security ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้และมีความพยายามที่จะพึ่งพาตนเอง (Self-reliance) ด้านอาหารมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากต่างประเทศท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น  โดยได้เริ่มมีการวาง Roadmap ในเรื่องนโยบายความมั่นคงด้านอาหารกันอย่างจริงจังมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการพื้นที่ทำเกษตรกรรมและการทำฟาร์มปศุสัตว์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ในภาคเกษตร เพื่อเอาชนะข้อจำกัดทางธรรมชาติและอุปสรรคต่าง ๆ

จีน คือตัวอย่างของประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนโยบายความมั่นคงด้านอาหารที่น่าจับตามอง โดยรัฐบาลจีนกำลังเดินหน้าปฏิรูปด้านอุปทานภาคการเกษตรแบบครบวงจรในเชิงรุก เพื่อเร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตทรัพยากรอาหารให้มากเพียงพอสำหรับความต้องการของประชากรในประเทศกว่า 1,400 ล้านคน โดยได้กำหนดให้ “นโยบายเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร” (รูปที่ 6) เป็นนโยบายที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ของประเทศ เพื่อยกระดับความสามารถในการพึ่งตนเองทางด้านอาหารในระยะยาวทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยใช้นวัตกรรมและความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ (Modern agriculture) เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว พร้อมกำหนดเป้าหมายที่จะพึ่งพาผลผลิตการเกษตรของตนเอง และยกระดับความมั่นคงด้านอาหารอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านทรัพยากรเมล็ดพันธุ์ด้วย ทั้งในส่วนของเทคโนโลยีในการค้นคว้าพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ เพื่อทำให้จีนสามารถพึ่งพาแหล่งเมล็ดพันธุ์ของตนเอง พร้อม ๆ ไปกับการยกระดับการผลิตข้าวและธัญพืชที่สำคัญให้มีความปลอดภัยและเพียงพอสำหรับป้อนความต้องการบริโภคภายในประเทศได้ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ชามข้าวของคนจีน จะต้องถือไว้อย่างมั่นคงด้วยมือของตัวเอง”

นอกจากการปฎิรูปภาคเกษตรกรรมภายในประเทศแล้ว ปัจจุบันจีนยังเร่งสยายปีกการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารในต่างประเทศอีกด้วย ผ่านการควบรวมธุรกิจด้านการเกษตรระดับโลก ตั้งแต่การกว้านซื้อที่ดิน โกดังเก็บธัญพืช รวมทั้งโรงงานแปรรูปอาหารหลายแห่งในหลายภูมิภาคทั่วโลก ตัวอย่างเช่น Shuanghui International Holding ที่เข้าซื้อกิจการของบริษัท Smithfield Foods ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูปเนื้อหมูรายใหญ่ที่สุดของโลกสัญชาติสหรัฐฯ เมื่อ 9 ปีก่อน ซึ่งนับเป็นข้อตกลงการซื้อกิจการของสหรัฐฯ โดยบริษัทจีนที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารด้านโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ท่ามกลางความต้องการบริโภคของประชากรในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐวิสาหกิจของจีนเองอย่าง COFCO Group ก็มีการขยายการลงทุนด้านการเกษตรไปทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นการไล่ซื้อบริษัทธัญพืชข้ามชาติหลายแห่ง อาทิ Nobel Agri บริษัทด้านการเกษตรในฮ่องกง และ Nidera ผู้ค้าเมล็ดพืชสัญชาติดัตช์ รวมทั้งยังได้เข้าซื้อบริษัทไวน์ของชิลีอย่าง Bisquertt Vineyard และบริษัทไวน์ฝรั่งเศส Chateau de Viaud รวมถึงซื้อหุ้น 80% ในบริษัท Tully Sugar ผู้ผลิตน้ำตาลของออสเตรเลีย และเข้าซื้อกิจการของธุรกิจค้าธัญพืชของ Criddle & Co. ในอังกฤษ รวมทั้งยังเป็นเจ้าของท่าเรือและโกดังเก็บธัญพืชหลักทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านตันต่อปี ทำให้ COFCO Group กลายเป็นผู้ส่งออกธัญพืชจากอาร์เจนตินารายใหญ่ที่สุด รวมถึงเป็นผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดในบราซิลอีกด้วย โดยเราเชื่อว่ากลยุทธ์การสร้างความมั่นคงด้านอาหารแบบ Inorganic growth นี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

อีกหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของทางการจีนที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง คือความร่วมมือภายใต้โครงการด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลอียิปต์ในปี 2017 โดยการใช้ Greenhouse technologies เพื่อพลิกฟื้นพื้นที่ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศแห้งแล้งอย่างทะเลทรายของอียิปต์ให้กลายเป็น “พื้นที่สีเขียว” ที่สามารถทำประโยชน์ในเชิงเกษตรกรรมได้เพื่อมุ่งพัฒนาให้ภาคเกษตรกรรมของอียิปต์ก้าวไปสู่การเกษตรยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยได้มีการก่อสร้างโรงเรือนกระจก หรือ Greenhouse ขนาดใหญ่จำนวน 600 หลังบนพื้นที่ขนาด 6,250 ไร่ กลางทะเลทรายเพื่อปลูกพืชผักและผลไม้ โดยที่วัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างทั้งหมด รวมทั้งช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้องล้วนถูกส่งตรงมาจากจีนทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm shift) ในการเอาชนะธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยอาศัยความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญ

EIC มองว่าการดำเนินนโยบายเรื่องความมั่นคงด้านอาหารเชิงรุกของคู่ค้าอย่างจีน ถือเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อแนวโน้มการส่งออกสินค้าในกลุ่มธัญพืช พืชอาหาร ผลไม้ เนื้อสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารของไทยในระยะยาว เนื่องจากจีนมีแนวโน้มที่จะนำเข้าสินค้าดังกล่าวลดลงอย่างต่อเนื่อง และหันไปพึ่งพาผลผลิตภายในประเทศมากขึ้น และ/หรือ นำเข้าจากพันธมิตรทางธุรกิจของตนเองในต่างประเทศแทน ซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มพืชอาหาร เกษตรแปรรูป และอาหารของไทยไปยังตลาดจีนทยอยปรับลดลงตามไปด้วย เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าหลักของไทยในสินค้าอาหารหลายชนิด อาทิ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง รวมทั้งผลไม้สดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียนและลำไย เป็นต้น

ภายใต้บริบทแวดล้อมต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น คือจุดเปลี่ยนที่น่าจับตามองของการทำเกษตรกรรมในโลกแห่งอนาคต และกำลังมีส่วนสั่นคลอนบทบาทของไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลก เพราะโมเดลการเติบโตของธุรกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารในอนาคตกำลังถูกขับเคลื่อนโดยอาศัยความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเป็นตัวนำร่อง ไม่ใช่จากความโชคดีของทำเลที่ตั้งทางกายภาพของประเทศและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติแบบในน้ำมีปลาในนามีข้าวเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว

ดังนั้น การลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสมจึงเป็นทั้งทางเลือกและทางรอดที่ไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวอย่างเช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบเซ็นเซอร์มาปรับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ (Yield) และลดต้นทุน รวมถึงการมุ่งไปสู่การเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision agriculture) โดยเริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยในกระบวนการเพาะปลูก อาทิ การเก็บข้อมูลระยะใกล้จากเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดสภาพดิน ความชื้น แร่ธาตุ ความเป็นกรดเป็นด่าง และค่าต่าง ๆ ในแปลงเพาะปลูก รวมไปถึงระบบสั่งการและควบคุมการให้น้ำหรือให้ปุ๋ยแบบอัตโนมัติ หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลระยะกลางจากกล้องที่ติดกับโดรนและการเก็บข้อมูลระยะไกลจากภาพถ่ายดาวเทียม รวมทั้งการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big data เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาช่วยวิเคราะห์และระบุสภาพพื้นที่เพาะปลูก ชนิดพืช สถานะการเจริญเติบโต และปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดถึงระดับแปลงเพาะปลูกของเกษตรกร นอกจากนี้ การทำการเกษตรภายในสิ่งปลูกสร้างอย่าง Indoor farming หรือ Vertical farming เพื่อควบคุมสภาวะแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่มีราคาสูง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจภายใต้ข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่เพาะปลูก และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกที่มีแนวโน้มผิดเพี้ยนและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ  

อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวนี้ถือเป็นสิ่งที่มีความท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับการปรับตัวของเกษตรกรรายย่อยที่มีเงินทุนไม่มากนัก และกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีต้นทุนสูง ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลในต่างประเทศพบว่า ปัจจุบันได้มีการนำระบบแพลตฟอร์มเข้ามาช่วยให้เกษตรกรรายย่อยได้ประโยชน์จาก Economies of scale โดยการแบ่งปันทรัพยากรระหว่างกันเองอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การจับคู่เกษตรกรที่มีเครื่องจักรกลทางการเกษตรหรือโดรนให้เช่า กับเกษตรกรผู้อยากเช่าเครื่องจักรกลเหล่านี้เพื่อสร้างระบบตลาดเช่าที่สมบูรณ์ หรือการระดมทุนเพื่อซื้อเทคโนโลยีทางการเกษตรที่มีราคาสูงด้วยวิธี Crowdsourcing ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางที่สามารถช่วยปลดล็อกการเข้าถึงเครื่องจักรกลสมัยใหม่และเทคโนโลยีทางการเกษตรของเกษตรกรรายย่อยในหลายประเทศ และเป็นสิ่งที่ไทยอาจพิจารณานำมาปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทยควรมองหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงเข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มในตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านเกษตรกรรมอย่างจีน เพื่อรองรับกับความท้าทายด้านต่าง ๆ จากการที่จีนจะกลายมาเป็นคู่แข่งกับไทยในอนาคต รวมไปถึงการแสวงหาตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าอาหารใหม่ๆ เพื่อขยายฐานผู้บริโภคและกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดส่งออกเดิม ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งที่ภาครัฐและผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้ามและต้องเตรียมรับมือไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทย และขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารเชิงนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นให้กับระบบเศรษฐกิจที่สอดรับกับยุทธศาสตร์การเติบโตแบบ Value-based economy ของไทย

บทวิเคราะห์โดย… https://www.scbeic.com/th/detail/product/global-food-crisis-211122

ผู้เขียนบทวิเคราะห์

นางสาวโชติกา ชุ่มมี (chotika.chummee@scb.co.th) ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการผลิต                                                              

60

SHARES
Share on Facebook
Post on X
Follow us
  • LINEแชร์เลย!
Tags: SCB EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ วิกฤติอาหารโลก ไทยพาณิชย์

Continue Reading

Previous: รัฐบาลคุยฟุ้งเอเปคดันลงทุนเพิ่ม 6 แสนล้านบาท
Next: ไทยออยล์คว้าอันดับ 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากการประเมินผล DJSI

ข่าวอื่นๆ ที่น่าอ่าน

ราคาทอง ราคาทองคำวันนี้ (27 ส.ค. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 9 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 100 1 min read
  • NEWS FOCUS
  • HOT NEWS

ราคาทองคำวันนี้ (27 ส.ค. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 9 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 100

27/08/2025
สำนักงานสลากฯ เตือนอย่าหลงเชื่อ TikTok หลอกลวงเลขหลุด-เลขล็อก สำนักงานสลากฯ เตือนอย่าหลงเชื่อ TikTok หลอกลวงเลขหลุด-เลขล็อก 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สำนักงานสลากฯ เตือนอย่าหลงเชื่อ TikTok หลอกลวงเลขหลุด-เลขล็อก

27/08/2025
S__87867401 ปชน.บี้ ทบ.แจง “น้ำมันหาย” คืนแล้ว แต่ไม่ทุจริต 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

ปชน.บี้ ทบ.แจง “น้ำมันหาย” คืนแล้ว แต่ไม่ทุจริต

27/08/2025
SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงแม้โดนสหรัฐฯ เก็บภาษี 19% SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงแม้โดนสหรัฐฯ เก็บภาษี 19% 1 min read
  • SPECIAL REPORT
  • HOT NEWS

SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงแม้โดนสหรัฐฯ เก็บภาษี 19%

27/08/2025
539186348_1082004647445878_7821813980103652301_n แม่ทัพภาคที่ 2 ประชุม RBC กับกัมพูชา แถลงร่วม 11 ข้อ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

แม่ทัพภาคที่ 2 ประชุม RBC กับกัมพูชา แถลงร่วม 11 ข้อ

27/08/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์ 1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

27/08/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 27 ส.ค. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 27 ส.ค. 68

27/08/2025
ดวงประจำวัน ดวงประจำวันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2568 1 min read
  • HOT NEWS
  • ดวงประจำวัน

ดวงประจำวันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2568

27/08/2025
สรุปข่าวประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2568 สรุปข่าวประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2568 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปข่าวประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2568

27/08/2025
AMP_0044_0_0 ครม.อนุมัติ 1.6 พันล้าน ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ผู้ประสบภัยน้ำท่วม 18 จว. 1 min read
  • HOT NEWS
  • NATIONAL

ครม.อนุมัติ 1.6 พันล้าน ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ผู้ประสบภัยน้ำท่วม 18 จว.

26/08/2025
538286440_1229630885865913_8301118449521097621_n รมช.กลาโหม สั่งแจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่-รื้อรั้วลวดหนาม 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

รมช.กลาโหม สั่งแจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่-รื้อรั้วลวดหนาม

26/08/2025
SCB EIC วิเคราะห์ ส่งออก ก.ค. ยังขยายตัวสูง แต่เริ่มชะลอลง SCB EIC วิเคราะห์ ส่งออก ก.ค. ยังขยายตัวสูง แต่เริ่มชะลอลง 1 min read
  • SPECIAL REPORT
  • HOT NEWS

SCB EIC วิเคราะห์ ส่งออก ก.ค. ยังขยายตัวสูง แต่เริ่มชะลอลง

26/08/2025

China News

แบงก์ใหญ่แห่เพิ่มคาดการณ์ GDP จีน แบงก์ใหญ่แห่เพิ่มคาดการณ์ GDP จีน 1 min read
  • CHINA NEWS
  • HOT NEWS

แบงก์ใหญ่แห่เพิ่มคาดการณ์ GDP จีน

14/05/2025
LINEแชร์เลย! สถาบันการเงินรายใหญ่ได้พากันปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของจีนในปีนี้ หลังจากจีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 พ.ค.)... อ่านต่อ

Start Up

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต 457C5A49-7DCB-4EA0-ACF5-B856D1843534 1 min read
  • HOT NEWS
  • START UP

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต

01/09/2022
LINEแชร์เลย! “ขอบคุณ ธพว. ที่สนับสนุน “เสียงเกษมโซล่าเซลล์” พาเข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องกิจการ ควบคู่กับการให้คำปรึกษา แนะนำธุรกิจ... อ่านต่อ

Money Movement

KBank Private Banking แนะจับตา 3 สินทรัพย์เด่นพลิกพอร์ตลงทุนในช่วงหลังของปี 68 KBank Private Banking แนะจับตา 3 สินทรัพย์เด่นพลิกพอร์ตลงทุนในช่วงหลังของปี 68
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

KBank Private Banking แนะจับตา 3 สินทรัพย์เด่นพลิกพอร์ตลงทุนในช่วงหลังของปี 68

27/08/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

27/08/2025
SCB TechX ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็น “Strategic FinTech Enabler” SCB TechX ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็น “Strategic FinTech Enabler”
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

SCB TechX ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็น “Strategic FinTech Enabler”

26/08/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

26/08/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์

25/08/2025
KBank Private Banking แนะจับตา 3 สินทรัพย์เด่นพลิกพอร์ตลงทุนในช่วงหลังของปี 68

KBank Private Banking แนะจับตา 3 สินทรัพย์เด่นพลิกพอร์ตลงทุนในช่วงหลังของปี 68

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

SCB TechX ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็น “Strategic FinTech Enabler”

SCB TechX ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็น “Strategic FinTech Enabler”

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์

Energy Force

ปตท.-บางจาก ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร ปตท.-บางจาก ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร 1 min read
  • ENERGY FORCE
  • HOT NEWS

ปตท.-บางจาก ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร

21/08/2025
LINEแชร์เลย! ปตท.-บางจาก ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ขึ้น PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด เพิ่มขึ้น 0.40... อ่านต่อ

Politics

S__87867401 ปชน.บี้ ทบ.แจง “น้ำมันหาย” คืนแล้ว แต่ไม่ทุจริต 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

ปชน.บี้ ทบ.แจง “น้ำมันหาย” คืนแล้ว แต่ไม่ทุจริต

27/08/2025
539186348_1082004647445878_7821813980103652301_n แม่ทัพภาคที่ 2 ประชุม RBC กับกัมพูชา แถลงร่วม 11 ข้อ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

แม่ทัพภาคที่ 2 ประชุม RBC กับกัมพูชา แถลงร่วม 11 ข้อ

27/08/2025
538286440_1229630885865913_8301118449521097621_n รมช.กลาโหม สั่งแจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่-รื้อรั้วลวดหนาม 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

รมช.กลาโหม สั่งแจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่-รื้อรั้วลวดหนาม

26/08/2025

ประเด็นข่าว

EXIM BANK KBANK scb SME D Bank กรมชลประทาน กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงไทย กสิกรไทย กอนช. ข่าวเด่น ข่าวดัง คปภ. ครม. ค่าเงินบาท ดวงประจำวัน ตลาดหุ้น ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธอส. นายฉัตรชัย ศิริไล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ บก.ชวนคุย บางจาก ปตท. ประเมินค่าเงินบาท พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเลเซีย รัฐบาล ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน สถานการณ์น้ำ สรุปข่าวประจำวัน สรุปสถานการณ์น้ำ สิงคโปร์ อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม เศรษฐกิจไทย เศรษฐา ทวีสิน แพทองธาร ชินวัตร โควิด-19 ไทยพาณิชย์

Business Movement

ธ.ก.ส. จัดกิจกรรม “BAAC Beyond Border 2025” ธ.ก.ส. จัดกิจกรรม “BAAC Beyond Border 2025” 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

ธ.ก.ส. จัดกิจกรรม “BAAC Beyond Border 2025”

27/08/2025
ธอส. ประสบความสำเร็จ GO LIVE GHB SYSTEM อัปเกรดระบบ CORE BANK ธอส. ประสบความสำเร็จ GO LIVE GHB SYSTEM อัปเกรดระบบ CORE BANK 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

ธอส. ประสบความสำเร็จ GO LIVE GHB SYSTEM อัปเกรดระบบ CORE BANK

24/08/2025
IMG_9330 ไทยประกันชีวิต กำไรครึ่งปีแรกโต 28% แตะ 6.3 พันล้านบาท 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

ไทยประกันชีวิต กำไรครึ่งปีแรกโต 28% แตะ 6.3 พันล้านบาท

18/08/2025
สำนักงานสลากฯ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเลขหลุด-เลขล็อกผ่านแพลตฟอร์ม TikTok สำนักงานสลากฯ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเลขหลุด-เลขล็อกผ่านแพลตฟอร์ม TikTok 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

สำนักงานสลากฯ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเลขหลุด-เลขล็อกผ่านแพลตฟอร์ม TikTok

16/08/2025

Recommend

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังสงบ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังสงบ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังสงบ

16/08/2025
"จุลพันธ์" มั่นใจงบปี 69 เพียงพอรับความเสี่ยง  “จุลพันธ์” มั่นใจงบปี 69 เพียงพอรับความเสี่ยง  1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

“จุลพันธ์” มั่นใจงบปี 69 เพียงพอรับความเสี่ยง 

13/08/2025
ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบ ประชาชนทยอยกลับบ้าน พร้อมเร่งเก็บกู้ระเบิดตกค้าง ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบ ประชาชนทยอยกลับบ้าน พร้อมเร่งเก็บกู้ระเบิดตกค้าง 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบ ประชาชนทยอยกลับบ้าน พร้อมเร่งเก็บกู้ระเบิดตกค้าง

11/08/2025
"ทรัมป์" ยินดี ไทยหยุดยิงกัมพูชา “ทรัมป์” ยินดี ไทยหยุดยิงกัมพูชา 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

“ทรัมป์” ยินดี ไทยหยุดยิงกัมพูชา

29/07/2025

Photo Stories

เมืองไทยประกันชีวิต รับมอบเกียรติบัตร “ESG DNA” จากตลท. เมืองไทยประกันชีวิต รับมอบเกียรติบัตร “ESG DNA” จากตลท. 1 min read
  • PHOTO STORIES

เมืองไทยประกันชีวิต รับมอบเกียรติบัตร “ESG DNA” จากตลท.

27/08/2025
BAM มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดสุพรรณบุรี BAM มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดสุพรรณบุรี 1 min read
  • PHOTO STORIES

BAM มอบบ้านให้กับผู้ด้อยโอกาส จังหวัดสุพรรณบุรี

27/08/2025
อธิบดีกรมธนารักษ์ร่วมกิจกรรม “Rethink เก่ง ดี มีสุข” นครศรีธรรมราช อธิบดีกรมธนารักษ์ร่วมกิจกรรม “Rethink เก่ง ดี มีสุข” นครศรีธรรมราช 1 min read
  • PHOTO STORIES

อธิบดีกรมธนารักษ์ร่วมกิจกรรม “Rethink เก่ง ดี มีสุข” นครศรีธรรมราช

26/08/2025
ธ.ก.ส. เปิดตลาดนัด BAAC Market 27-29 ส.ค.นี้   ธ.ก.ส. เปิดตลาดนัด BAAC Market 27-29 ส.ค.นี้   1 min read
  • PHOTO STORIES

ธ.ก.ส. เปิดตลาดนัด BAAC Market 27-29 ส.ค.นี้  

26/08/2025
SME D Bank เติมพลังเอสเอ็มอีไทยในงาน ‘SME D Market’ ประจำเดือน ส.ค.68 SME D Bank เติมพลังเอสเอ็มอีไทยในงาน ‘SME D Market’ ประจำเดือน ส.ค.68 1 min read
  • PHOTO STORIES

SME D Bank เติมพลังเอสเอ็มอีไทยในงาน ‘SME D Market’ ประจำเดือน ส.ค.68

26/08/2025
บสย. ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ โครงการ ESG DNA จากตลาดหลักทรัพย์ฯ บสย. ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ โครงการ ESG DNA จากตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 min read
  • PHOTO STORIES

บสย. ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ โครงการ ESG DNA จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

26/08/2025
ธนารักษ์ เปิดตัว Landlord Sharing ร่วม สธ. มอบอำนาจจัดประโยชน์ที่ราชพัสดุ ธนารักษ์ เปิดตัว Landlord Sharing ร่วม สธ. มอบอำนาจจัดประโยชน์ที่ราชพัสดุ 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธนารักษ์ เปิดตัว Landlord Sharing ร่วม สธ. มอบอำนาจจัดประโยชน์ที่ราชพัสดุ

25/08/2025
กรมธนารักษ์-กองทัพเรือ ลงนาม MOU สนับสนุนพลังงานสะอาด กรมธนารักษ์-กองทัพเรือ ลงนาม MOU สนับสนุนพลังงานสะอาด 1 min read
  • PHOTO STORIES

กรมธนารักษ์-กองทัพเรือ ลงนาม MOU สนับสนุนพลังงานสะอาด

25/08/2025
ไทยพาณิชย์ เชื่อมั่นศักยภาพ The Forestias สนับสนุนวงเงิน 22,000 ล้านบาท ไทยพาณิชย์ เชื่อมั่นศักยภาพ The Forestias สนับสนุนวงเงิน 22,000 ล้านบาท 1 min read
  • PHOTO STORIES

ไทยพาณิชย์ เชื่อมั่นศักยภาพ The Forestias สนับสนุนวงเงิน 22,000 ล้านบาท

25/08/2025
กสิกรไทย คว้า 3 รางวัลใหญ่สินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับสากล กสิกรไทย คว้า 3 รางวัลใหญ่สินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับสากล 1 min read
  • PHOTO STORIES

กสิกรไทย คว้า 3 รางวัลใหญ่สินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับสากล

25/08/2025
“คลินิกแก้หนี้ by SAM“ จับมือ 3 หน่วยงานรัฐ เสริมความรู้การเงินคนพิการ “คลินิกแก้หนี้ by SAM“ จับมือ 3 หน่วยงานรัฐ เสริมความรู้การเงินคนพิการ 1 min read
  • PHOTO STORIES

“คลินิกแก้หนี้ by SAM“ จับมือ 3 หน่วยงานรัฐ เสริมความรู้การเงินคนพิการ

22/08/2025
ธ.ก.ส. จับมือ วว. ประกาศความร่วมมือทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี ธ.ก.ส. จับมือ วว. ประกาศความร่วมมือทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธ.ก.ส. จับมือ วว. ประกาศความร่วมมือทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี

21/08/2025
CKPower คว้ารางวัล ASEAN Asset Class PLCs CKPower คว้ารางวัล ASEAN Asset Class PLCs 1 min read
  • PHOTO STORIES

CKPower คว้ารางวัล ASEAN Asset Class PLCs

21/08/2025
ธอส. รับรางวัลผู้สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงาน ปปง. ธอส. รับรางวัลผู้สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงาน ปปง. 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธอส. รับรางวัลผู้สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงาน ปปง.

21/08/2025
ธอส. คว้า 2 รางวัล หนุนความร่วมมือป้องกันฟอกเงิน ธอส. คว้า 2 รางวัล หนุนความร่วมมือป้องกันฟอกเงิน 1 min read
  • PHOTO STORIES

ธอส. คว้า 2 รางวัล หนุนความร่วมมือป้องกันฟอกเงิน

20/08/2025

บก.ชวนคุย

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 1 min read
  • HOT NEWS
  • EDITOR TALK

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568

25/02/2025
LINEแชร์เลย! บก.ชวนคุย เรื่องที่ 4,391 แอพเงินกู้แหล่งทุนยุคเศรษฐกิจดิจิทัล  ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความท้าทายทางการงาน การเงิน คนไทยมากกว่า... อ่านต่อ

ติดต่อเรา

สนใจร่วมงานกับเรา Aec10news.com คลิ๊กติดต่อเรา รับซื้อ..รายงาน สกู๊ป บทความ รายได้สูง !!!

  • Facebook
  • Twitter
สงวนลิขสิทธิ์ © 2560 เว็บไซต์ AEC10NEWS.COM