Skip to content
Tue. Sep 23rd, 2025
  • Facebook
  • Twitter
AEC10NEWS

AEC10NEWS

Primary Menu
  • Home
  • NEWS
    • BREAKING NEWS
    • CHINA NEWS
    • ENERGY FORCE
    • EDITOR TALK
    • MONEY MOVEMENT
    • NATIONAL
    • OPEN NEWS
    • POLITICS
    • WORLD
    • ดวงประจำวัน
  • ASEAN
    • Brunei
    • Cambodia
    • Indonesia
    • Laos
    • Malaysia
    • Myanmar
    • Philippines
    • Singapore
    • Vietnam
  • EEC
  • SPECIAL REPORT
  • BUSINESS
    • BUSINESS MOVEMENT
    • HOT MARKETS
    • PHOTO STORIES
  • HOT NEWS
  • NATIONAL

2 ล้านครัวเรือนไทยเปราะบางจากปัญหาหนี้หนัก เสี่ยงใช้เวลาเกินทศวรรษในการหลุดพ้น

04/11/2022 1 min read
  • LINEแชร์เลย!
ดูแล้ว: 1,112

ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP ยังสูง ส่งผลทำให้ครัวเรือนไทยจำนวนมากยังคงมีความเปราะบางจากปัญหาหนี้สูง EIC ประเมินความเปราะบางทางการเงินของไทยในระดับครัวเรือนด้วย Machine learning พบว่า “ครัวเรือนเปราะบาง” หรือ ครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้สูงเมื่อเทียบกับรายได้และทรัพย์สิน มีจำนวนถึง 2.1 ล้านครัวเรือน เพิ่มขึ้นจาก 1.7 ล้านครัวเรือนในช่วงก่อนวิกฤตโควิดปี 2019 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 24% ทั้งนี้ส่วนใหญ่ของครัวเรือนเปราะบางเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง คือมีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่กลับมีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ โดยจากการศึกษาพบว่า การเป็นครัวเรือนเปราะบางทำให้มีโอกาสประสบปัญหารายได้ไม่พอใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%

จากแนวโน้มรายได้ที่เติบโตช้าและปัญหาหนี้เดิมสูง EIC ประเมินว่า ครัวเรือนอาจต้องใช้เวลาถึง 13 ปีโดยเฉลี่ยในการแก้ไขปัญหาความเปราะบาง โดยพบว่าบางครัวเรือนมีความเสี่ยงที่จะหลุดพ้นจากปัญหาได้ยากกว่าปกติ จากการเผชิญ 3 ข้อจำกัดสำคัญ ได้แก่ การไม่มีเงินเหลือเก็บ การขอสินเชื่อใหม่ได้ยาก หรือการเป็นครัวเรือนสูงอายุที่อาจมีข้อจำกัดทั้งด้านระยะเวลา และความสามารถในการหารายได้ นอกจากนี้ ปัญหาค่าครองชีพเร่งตัวและแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความเปราะบางสูงขึ้นจากแนวโน้มการก่อหนี้เพิ่ม ส่งผลทำให้ความเสี่ยงด้านหนี้เสียของผู้บริโภคยังมีความน่ากังวล

การแก้ไขปัญหาความเปราะบางทางการเงินเป็นประเด็นระยะยาวที่จำเป็นต้องใช้หลายเครื่องมือประกอบกัน ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระ การลดอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ และการเพิ่มศักยภาพในการหารายได้ อย่างไรก็ดี EIC มองว่าการป้องกันปัญหาเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ครัวเรือนต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่นำไปสู่ความเปราะบาง ซึ่งต้องใช้เวลานานในการแก้ไขและยังเสี่ยงนำไปสู่ปัญหาด้านการใช้จ่ายตามมา โดยการป้องกันอาจทำได้หลายวิธี ทั้งการสะสมสภาพคล่อง การทำประกัน เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะสร้างผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน ไปจนถึงการวางแผนการก่อหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระ

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มิติความเปราะบางทางการเงินของภาคครัวเรือนเป็นประเด็นทางเศรษฐกิจของไทยที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่ครัวเรือนไทยมีการสะสมหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ไม่สามารถเติบโตได้ในอัตราเดียวกัน ส่งผลให้เกิดการเสียสมดุลทางการเงิน โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยเพิ่มขึ้นจาก 52.4% ในปี 2008 เป็น 90.1% ณ สิ้นปี 2021 หากเทียบกับสัดส่วนของต่างประเทศจะพบว่า ไทยมีแนวโน้มการเติบโตของหนี้ต่อรายได้ที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงปี 2008-2014 และในช่วงหลังเกิดวิกฤตโควิด ส่งผลทำให้ไทยมีสัดส่วนหนี้ต่อ GDP สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศพัฒนาแล้วอย่างชัดเจน แม้ว่ารายได้ต่อประชากรของไทยจะต่ำกว่ามากก็ตาม (รูปที่ 1) ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยล่าสุดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ระดับ 88.2%
EIC ประเมินว่าสัดส่วนจะปรับลดลงอย่างช้า ๆ โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วง 86-87% ต่อ GDP ณ สิ้นปี 2022 ซึ่งยังถือเป็นระดับที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ใกล้เคียงกัน

หมายเหตุ : *สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยเป็นข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะที่สัดส่วนของประเทศอื่นเป็นข้อมูลจาก Bank of International Settlement (BIS)

ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย BIS และ World Bank

แม้ในภาพรวมอาจกล่าวได้ว่าไทยเป็นประเทศที่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงเมื่อเทียบกับนานาประเทศ แต่ในรายครัวเรือนกลับไม่ได้มีนิยามที่แน่ชัดในการระบุว่าครัวเรือนใด ต้องมีหนี้เท่าไหร่ หรือ รายได้ ณ ระดับไหน จึงจะถูกจัดเป็นครัวเรือนที่มีความเปราะบางทางการเงิน (Financial vulnerability) ในงานศึกษานี้ EIC ใช้วิธี Machine learning ในการระบุและแบ่งแยก “ครัวเรือนเปราะบาง” ตามวิธีการศึกษาในต่างประเทศ และวิเคราะห์ถึงโอกาสในการเกิดปัญหาด้านการใช้จ่ายของครัวเรือนกลุ่มนี้ รวมถึงทำการประเมินถึงระยะเวลาและอุปสรรคในการฟื้นตัว เพื่อนำไปสู่นัยในการแก้ไขและป้องกันความเปราะบางต่อไป

แบ่งกลุ่มครัวเรือนไทยตามความเปราะบางด้วย Machine learning

ในการแบ่งกลุ่มครัวเรือน (clustering) นั้น EIC อ้างอิงวิธีการจาก Azzopardi, D., et al. (2019)[1] ซึ่งใช้วิธี Machine learning ในการแบ่งกลุ่มครัวเรือนในสหรัฐฯ ตามเงื่อนไขความเปราะบางทางการเงิน นำมาประยุกต์ใช้กับข้อมูลของไทย คือข้อมูล​​​สำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยใช้ข้อมูลช่วงปี 2013-2021[2]

การแบ่งกลุ่มครัวเรือนในที่นี้จะทำด้วย 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การหาจำนวนกลุ่มที่เหมาะสมด้วยวิธี Elbow method[3] และ ขั้นตอนที่ 2 การแบ่งกลุ่มตามจำนวนที่หาได้ในขั้นก่อนหน้าด้วยวิธี K-means Clustering โดยใช้ข้อมูลล่าสุดคือปี 2021 เป็นปีฐานในการแบ่งกลุ่ม

เกณฑ์ความเปราะบางที่นำมาใช้ในการแบ่งกลุ่มนั้นจะประกอบไปด้วย 4 เงื่อนไขด้วยกัน ได้แก่ (1) รายได้ (2) อัตราส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์ (Leverage ratio) (3) ภาระการชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt-Service Ratio : DSR) และ (4) อัตราส่วนหนี้ต่อรายได้ทั้งปี ทั้งนี้ 3 เงื่อนไขแรกถูกใช้ใน Azzopardi, D., et al. (2019) ขณะที่ในเกณฑ์ที่ 4 ได้ถูกเพิ่มเข้ามา
ในการพิจารณาในงานศึกษานี้ เพื่อให้สามารถทำการแบ่งกลุ่มครัวเรือนไทยได้ดีขึ้น เนื่องจากข้อมูลสินทรัพย์อาจมีความคลาดเคลื่อนของมูลค่าในบางกรณีเพราะเป็นการประเมินด้วยตนเอง (ข้อมูลมาจากแบบสอบถาม) อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ ในช่วงปี 2020-21 สถาบันการเงินต่าง ๆ มีการพักชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้บางส่วนในช่วงวิกฤตโควิด
ที่อาจทำให้ DSR ต่ำลงเป็นการชั่วคราว ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนปัญหาหนี้ที่แท้จริงได้ดีเท่าที่ควร

ในการพิจารณาเกณฑ์ดังกล่าว ได้มีการกำหนดค่าสูงสุดของอัตราส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์ และ DSR ให้ไม่เกิน 200% และกำหนดอัตราส่วนหนี้ต่อรายได้ให้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ทั้งปี เพื่อขจัดข้อมูลแปลกแยก (Outliers) ที่จะทำให้การแบ่งกลุ่มข้อมูลด้วย K-means มีความคลาดเคลื่อนได้

ผลการแบ่งกลุ่มจากวิธีและเงื่อนไขข้างต้น สามารถแบ่งกลุ่มครัวเรือนไทยในปี 2021 ออกมาได้ทั้งหมด 6 กลุ่ม[1] ซึ่งมีค่าสถิติเบื้องต้นของครัวเรือนตัวอย่างเป็นไปตามตารางที่ 1

ลักษณะทางเศรษฐกิจของครัวเรือนแต่ละกลุ่มมีดังต่อไปนี้

กลุ่มที่ 1 กลุ่มครัวเรือนรายได้ปานกลาง (ค่ากลางรายได้ที่ 2.0 หมื่นบาทต่อเดือน) มีหนี้น้อยหรือไม่มีหนี้ ครัวเรือนกลุ่มนี้คิดเป็น 36.6% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

กลุ่มที่ 2 กลุ่มครัวเรือนรายได้ปานกลาง (ค่ากลางรายได้ที่ 1.9 หมื่นบาทต่อเดือน) ที่มีระดับหนี้สูงมากทั้งเมื่อเทียบกับรายได้และสินทรัพย์ ครัวเรือนกลุ่มนี้คิดเป็น 3.0% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

กลุ่มที่ 3 ครัวเรือนกลุ่มนี้คล้ายกับกลุ่มที่ 2 คือมีหนี้อยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับทั้งรายได้และสินทรัพย์ แต่รายได้ของครัวเรือนกลุ่มนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ย (ค่ากลางรายได้ที่ 3.4 หมื่นบาทต่อเดือนโดยเฉลี่ย) ครัวเรือนกลุ่มนี้คิดเป็น 6.4% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

กลุ่มที่ 4 กลุ่มครัวเรือนรายได้สูง (ค่ากลางรายได้ที่ 5.1 หมื่นบาทต่อเดือน) ที่มีหนี้อยู่ในระดับต่ำ ครัวเรือนกลุ่มนี้คิดเป็น 17.8% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

กลุ่มที่ 5 กลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย (ค่ากลางรายได้ที่ 8.9 พันบาทต่อเดือน) คิดเป็น 25.5% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด มีหนี้น้อยหรือไม่มีหนี้ซึ่งอาจสะท้อนการมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อของครัวเรือนบางส่วน

กลุ่มที่ 6 กลุ่มครัวเรือนรายได้ปานกลาง (ค่ากลางรายได้ที่ 2.0 หมื่นบาทต่อเดือน) ที่มีหนี้อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของครัวเรือนที่มีหนี้ทั้งหมด ครัวเรือนกลุ่มนี้คิดเป็น 10.7% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

จากลักษณะของครัวเรือนทั้ง 6 กลุ่มที่ Machine learning ได้แบ่งมานั้น EIC วิเคราะห์ว่า ครัวเรือนกลุ่มที่ 2 และ 3 ถือเป็นครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง เนื่องด้วยแม้จะมีรายได้เกินค่าเฉลี่ย แต่ทั้ง 2 กลุ่มมีปัญหาหนี้ที่รุนแรงกว่ากลุ่มอื่นอย่างเห็นได้ชัด ค่ากลาง (Median) ของรายได้ของกลุ่มครัวเรือนเปราะบางนั้นอยู่ที่ 3.0 หมื่นบาทต่อเดือนต่อครัวเรือน สูงกว่าค่ากลางของรายได้ครัวเรือนไทยปี 2021 ที่ 1.9 หมื่นบาทอยู่ถึง 58.3% อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนกลุ่มนี้มีความเปราะบางจากการเป็นหนี้ในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้และทรัพย์สิน โดยเมื่อดูจากค่ากลางของแต่ละกลุ่มในส่วนของหนี้ต่อรายได้กลุ่ม 2 และ 3 จะมีค่าอยู่สูงถึง 4.7 และ 2.2 เท่าต่อรายได้ทั้งปีตามลำดับ สูงกว่าของกลุ่มอื่น ๆ
อยู่มากกว่าเท่าตัว (ค่าเฉลี่ยสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ของครัวรือนไทยที่มีหนี้ ณ ปี 2021 อยู่ที่ 1.1 เท่า) เช่นเดียวกันกับสัดส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์ที่สูงกว่ากลุ่มอื่นเป็นหลายเท่าตัวเช่นกัน นอกจากนี้ ในส่วนของภาระการชำระหนี้ (Debt service ratio หรือ DSR) ก็มีค่าที่สูงกว่ากลุ่มอื่นเช่นกัน ทั้งนี้ แม้ค่ากลาง DSR ของกลุ่ม 6 ที่ 21.6% จะใกล้เคียงกันกับของกลุ่ม 3 แต่ยังถือเป็นระดับที่บริหารจัดการได้ นอกจากนี้ สัดส่วนหนี้ต่อรายได้และสินทรัพย์ของกลุ่ม 6 กลับมีค่าต่ำกว่ากลุ่ม 2 และ 3 อยู่เป็นเท่าตัวจึงถือว่ากลุ่ม 6 ไม่ได้มีความเปราะบางสูงเทียบเท่า สำหรับครัวเรือนกลุ่มที่ 5 ซึ่งมีสัดส่วนราว 1 ใน 4 แม้จะไม่เข้าข่ายกลุ่มเปราะบางเนื่องจากไม่มีความเสี่ยงด้านภาระหนี้ แต่ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจเพราะนอกจากจะมีรายได้น้อยแล้ว ยังมีสัดส่วนการพึ่งพารายได้จากผู้อื่นที่ค่อนข้างสูง และยังมีแนวโน้มเผชิญข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยกว่าครึ่งหนึ่งของครัวเรือนกลุ่มนี้ มีรายได้หลักที่ไม่ได้มาจากการทำงาน โดยจะพึ่งพารายได้จากเงินชดเชยการออกจากงาน เงินช่วยเหลือจากภาครัฐ หรือเงินที่ได้รับจากบุคคลอื่นเป็นหลัก ส่วนหนึ่งมาจากการที่ 24.6% ของครัวเรือนกลุ่มนี้เป็นครัวเรือนผู้สูงอายุ[1] ที่อาจจะมีความสามารถจำกัดในการหารายได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ครัวเรือนกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มที่จะมีขัอจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดย 28.1% ของครัวเรือนที่ประสงค์จะกู้ยืมฉุกเฉินแต่กู้ไม่ได้หรือได้ไม่เต็มจำนวนที่ต้องการ ส่งผลให้การแก้ปัญหาสภาพคล่องในวิกฤตเศรษฐกิจมีแนวโน้มทำได้ยาก สำหรับครัวเรือนกลุ่มอื่น ๆ (1, 4 และ 6) จัดได้ว่าเป็นครัวเรือนที่มีสถานะทางการเงินปกติ จากการที่มีรายได้ปานกลาง-สูง และระดับหนี้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้

ลักษณะของครัวเรือนเปราะบางไทย

ครัวเรือนกลุ่มเปราะบางของไทยมีลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างจากครัวเรือนกลุ่มอื่น ๆ ในด้านรายได้ กลุ่มครัวเรือนเปราะบางมีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยครัวเรือนไทย โดยเมื่อแบ่งตามรายได้ 5 ระดับ (Quintile) อิงจากรายได้ของครัวเรือนไทยทั้งหมด พบว่า ครัวเรือนเปราะบางส่วนใหญ่ถึง 61.4% อยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูงที่มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยที่ราว 3-6 หมื่นบาทต่อเดือน (รูปที่ 2) สำหรับที่มาของรายได้ ครัวเรือนกลุ่มเปราะบางจะมีสัดส่วนครัวเรือนที่มีรายได้หลักมาจากการทำธุรกิจและการทำการเกษตรสูงกว่ากลุ่มครัวเรือนอื่น ๆ ซึ่งมักมีความไม่แน่นอนของรายได้สูงกว่าเมื่อเทียบกับครัวเรือนที่มีรายได้หลักจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือข้าราชการ ถือเป็นความท้าทายเพิ่มเติมในการบริหารจัดการหนี้ ในเชิงแหล่งที่อยู่ ครัวเรือนเปราะบางมีสัดส่วนอยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงกว่า สำหรับลักษณะโครงสร้างครัวเรือน ครัวเรือนเปราะบางจะมีจำนวนสมาชิกเฉลี่ยที่ 3.2 คนมากกว่ากลุ่มไม่เปราะบางที่ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่รประมาณ 2.7 คนต่อครัวเรือน

หมายเหตุ : *รายได้อื่น ๆ ได้แก่ บำเหน็จ บำนาญ เงินชดเชย เงินทดแทนจากการออกจากงาน เงินช่วยเหลือที่ได้รับจากบุคคลอื่น เงินช่วยเหลือตามมาตรการรัฐ รายรับจากการให้เช่า ค่าลิขสิทธิ์ ดอกเบี้ย เงินปันผล

ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ

การเป็นกลุ่มเปราะบางมีโอกาสอย่างน้อย 30% ที่จะมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายมากกว่ากลุ่มอื่น EIC ทำการวิเคราะห์แนวโน้มปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในการชี้วัดคุณภาพชีวิตครัวเรือน ด้วยสมการ Regression จากข้อมูลครัวเรือนปี 2013-21 ใน 3 แบบจำลอง (รูปที่ 3) พบว่า การเป็นกลุ่มเปราะบางมีผลทำให้มีโอกาสที่จะมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญไม่ต่ำกว่า 30% ในทุกแบบจำลอง ถือเป็นตัวแปรที่มีผลกระทบสูงเมื่อเทียบกับตัวแปรทางเศรษฐกิจและลักษณะครัวเรือนที่สำคัญอื่น ๆ คาดว่าสาเหตุหลักมาจากการที่กลุ่มเปราะบางมีหนี้สูงเมื่อเทียบกับรายได้ รายจ่ายเพื่อการชำระหนี้จึงสูงตามไปด้วย และตัวแปรดังกล่าวยังอาจสะท้อนได้ถึงการขาดวินัย
ทางการเงินที่ส่งผลให้เกิดทั้งความเปราะบางและปัญหาเงินไม่พอใช้ได้อีกด้วย สำหรับตัวแปรทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง รายได้ นั้นให้ผลอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้ 1% ส่งผลทำให้โอกาสในการเกิดปัญหาเงินไม่พอใช้ลดลง 0.16-0.18% โดยประมาณ ทั้งนี้ หากพิจารณาปัจจัย

ด้านสภาพคล่องร่วมด้วยในแบบจำลองที่ 2 โดยการใส่ตัวแปร “กันชนทางการเงิน” (คำนวณจากสัดส่วนสินทรัพย์ทางการเงินต่อรายจ่ายครัวเรือน) จะพบว่า ตัวแปรนี้มีนัยสำคัญในการอธิบายแนวโน้มการเกิดปัญหาการใช้จ่ายเช่นกัน โดยการเพิ่มขึ้น 1% ของสัดส่วนดังกล่าวจะส่งผลให้ โอกาสเกิดปัญหาลดลง 0.025-0.026% กล่าวคือ สภาพคล่องทางการเงินที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับระดับรายจ่าย ส่งผลให้โอกาสการเกิดปัญหาเงินไม่พอใช้ลดลง

สำหรับในแบบจำลองที่ 3 จะมีการพิจารณาตัวแปรเพิ่มเติมเพื่อประเมินปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายและค่าครองชีพ ได้แก่ สัดส่วนรายจ่ายไม่จำเป็น (Discretionary)[1] และการอาศัยอยู่ในเมืองและเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีสมมติฐานว่า รายจ่ายไม่จำเป็นอาจมีผลทำให้เกิดปัญหาการใช้จ่าย รวมถึงการอาศัยอยู่ในเมืองหรือกรุงเทพฯ ที่ค่าครองชีพสูง
ก็อาจมีผลบ้างเช่นกัน ซึ่งผลจาก Regression ในแบบจำลองที่ 3 ก็สอดคล้องตามสมมติฐานอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเพิ่มขึ้น 1% ของสัดส่วนรายจ่ายที่ไม่จำเป็นต่อรายจ่ายรวม ส่งผลให้โอกาสการเกิดปัญหาการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 0.15% ส่วนแหล่งที่อยู่มีผลอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยการอาศัยอยู่ในเขตเมืองและกรุงเทพฯ จะมีผลต่อการเกิดปัญหาเพิ่มขึ้นที่ 1.15% และ 4.43% ตามลำดับ

สำหรับปัจจัยทางลักษณะครัวเรือนนั้น ส่งผลต่อการมีปัญหาการใช้จ่ายในระดับที่แตกต่างกันออกไป โดยกลุ่มที่ส่งผลให้แนวโน้มการมีปัญหาสูงขึ้น ได้แก่ การมีแหล่งรายได้ของครัวเรือนที่ผันผวนจากการที่ไม่ได้มีคนทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนในครัวเรือนหรือมีคนทำงานในภาคเกษตร และการที่มีสัดส่วนการพึ่งพาในครัวเรือน (Dependency ratio) ที่สูง คือ มีจำนวนคนที่ไม่ได้ทำงาน (เช่น เด็ก คนชรา) สูงเมื่อเทียบกับจำนวนคนทำงานในครัวเรือนเดียวกัน โดยทั้ง 3 ปัจจัยล้วนแล้วแต่มีนัยสำคัญในการอธิบายโอกาสการเกิดปัญหาด้านการใช้จ่ายทั้งสิ้น

ความเปราะบางภาคครัวเรือนไทยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

“ครัวเรือนเปราะบาง” ของไทยมีจำนวนและสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังวิกฤต COVID-19 ครัวเรือนเปราะบางจากการแบ่งแยกด้วย Machine learning มีแนวโน้มทรงตัวทั้งในแง่ของจำนวนและสัดส่วนต่อจำนวนรวมในช่วงปี 2013-19 อย่างไรก็ดี ในปี 2021 หลังจากเกิดวิกฤตโควิด จำนวนครัวเรือนเปราะบางเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2.1 ล้านครัวเรือน จาก 1.7 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นสูงถึง 24.2% จากปี 2019 ทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 9.4% จาก 7.8% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในปี 2019 (รูปที่ 4)

นอกจากจำนวนที่เพิ่มขึ้นแล้ว กลุ่มเปราะบางยังมีแนวโน้มรายได้ที่ลดลง สวนทางกับรายได้ของกลุ่มไม่เปราะบางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยรายได้ในปี 2021 ลดลงที่ -7.9% เมื่อเทียบกับระดับรายได้ ณ ปี 2013 ขณะที่รายได้ของกลุ่มไม่เปราะบางเพิ่มขึ้น 9.5% ในช่วงเดียวกัน นั่นส่งผลทำให้สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ของกลุ่มเปราะบางเพิ่มสูงขึ้นในอัตรา
ที่มากกว่าสัดส่วนของกลุ่มไม่เปราะบางในช่วงเวลาดังกล่าว จากเดิมที่อยู่ในระดับที่สูงมากอยู่แล้ว แม้ว่ามูลค่าหนี้ของกลุ่มเปราะบางจะเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าก็ตาม (รูปที่ 5) ทั้งนี้ การที่หนี้ของกลุ่มเปราะบางเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าคาดว่ามีสาเหตุมาจากหนี้เดิมที่สูงมากของกลุ่มเปราะบางส่งผลทำให้การขอสินเชื่อใหม่ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อในระบบ ต่างจากกลุ่มไม่เปราะบางที่ยังมีหนี้ไม่มาก สามารถกู้ยืมเพิ่มเติมได้ง่ายกว่าและมากกว่า นอกจากนี้ รายได้ที่ลดลงยังส่งผลทำให้ภาระการชำระหนี้ต่อเดือนของกลุ่มเปราะบางเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ของกลุ่มไม่เปราะบางกลับลดลงเล็กน้อย

แนวโน้มในระยะข้างหน้า

ปัญหาความเปราะบางใช้เวลานานในการแก้ไข ครัวเรือนเปราะบางมีปัญหาจากการมีหนี้สูงเมื่อเทียบกับรายได้หรือสินทรัพย์ ทำให้การปลดหนี้เพื่อหลุดพ้นจากความเปราะบางทำได้ยากในเวลาอันสั้น ต้องอาศัยการมีรายได้ที่ต่อเนื่องควบคู่ไปกับความมีวินัยในการชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้เวลานาน EIC ประเมินว่าการหลุดพ้นความเปราะบางครัวเรือนอาจต้องใช้เวลาโดยเฉลี่ยถึงราว 13 ปี ภายใต้สมมติฐานว่าครัวเรือนจะคงความสามารถในการชำระหนี้เท่าเดิมกับในปัจจุบันและต่อเนื่องไปในระยะข้างหน้า เพื่อที่จะลดหนี้ลงมาในจุดที่บริหารจัดการได้[1] อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลสำหรับสถานการณ์ความเปราะบางทางการเงินของครัวเรือนไทยในภาพรวม คือ ไม่ใช่ทุกครัวเรือนเปราะบางจะสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยง่าย เพราะยังมีหลายข้อจำกัดที่สำคัญ ได้แก่

1. การไม่มีเงินเหลือเก็บ ซึ่งเป็นปัญหาของครัวเรือนสัดส่วนถึงประมาณ 61.2% ของกลุ่มเปราะบาง คนกลุ่มนี้จะไม่มีเงินเหลือไปใช้หนี้เดิม หรืออาจต้องก่อหนี้ก้อนใหม่มาเพื่อใช้หนี้เก่า เสี่ยงก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มเติม ซึ่งสุดท้ายอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้เสีย 2. การเป็นครัวเรือนสูงอายุ ครัวเรือนเปราะบางประมาณ 15.1% มีคนทำงานในครัวเรือนใกล้วัยเกษียณ ทำให้ระยะเวลาในการหารายได้มาเพื่อลดความเปราะบางมีจำกัด อาจต้องทำงานจนเลยวัยเกษียณ เพื่อให้สถานะทางการเงินกลับสู่ภาวะปกติ และ 3. การมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ถือเป็นอีกความท้าทายสำหรับหลายครัวเรือน ซึ่งทำให้บางส่วนอาจต้องหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบซึ่งมักมีดอกเบี้ยสูงที่ทำให้ภาระการชำระหนี้สูงตามไปด้วย เป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งของความเปราะบางในหลายครัวเรือน

ปัญหาค่าครองชีพและดอกเบี้ยขาขึ้นในปัจจุบันมีแนวโน้มทำให้การแก้ไขปัญหาความเปราะบางยากขึ้น และกินเวลานานขึ้น การเร่งตัวของค่าครองชีพจากปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเพื่อสกัด เงินเฟ้อ ล้วนแล้วแต่ส่งผลโดยตรงต่อปัญหาความเปราะบางทางการเงินของภาคครัวเรือน โดยจะส่งมีกลไกการส่งผลใน 3 ด้านประกอบด้วย (1) รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้เงินเหลือไปใช้หนี้ลดลง EIC ทำการวิเคราะห์ด้วยสมมติฐานประมาณการเศรษฐกิจล่าสุดพบว่า สถานการณ์ค่าครองชีพในปัจจุบันส่งผลทำให้อัตราการออมของครัวเรือนไทยลดลงจาก 15.6% เป็น 10.0% โดยครัวเรือนที่รายได้ไม่พอรายจ่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 7.1 เป็น 8.4 ล้านครัวเรือน ส่งผลทำให้ในภาพรวมเงินส่วนเหลือไปใช้หนี้จะลดน้อยลง (2) รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้บางครัวเรือนต้องกู้ยืมมามากขึ้น ครัวเรือนที่รายได้ไม่พอรายจ่ายมีแนวโน้มจะทำการกู้ยืมมาเพื่อชดเชยส่วนที่ขาด ผลสำรวจผู้บริโภคของ EIC ในช่วง 8 – 22 ก.ค. 2022 พบว่า 23.7% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกที่จะรับมือกับสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยการกู้ยืมเพื่อนำมาใช้จ่าย โดยรวม EIC ประเมินว่าหนี้ครัวเรือนในปี 2022 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4% จากปี 2021 โดยหนี้เพื่อนำมาใช้เป็นสภาพคล่องจะเป็นประเภทหนี้ที่เติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย ทั้งนี้ จากการศึกษายังพบด้วยว่า ในสถานการณ์เงินเฟ้อเร่งตัวนี้ครัวเรือนที่มีสถานะปกติราว 1.6 แสนครัวเรือน จะมีหนี้สูงขึ้นมากจนกลายเป็นครัวเรือนเปราะบาง โดยครัวเรือนกลุ่มนี้มักเป็นครัวเรือนที่มีอัตราการออมต่ำและมีสภาพคล่องสำรองไม่มาก ประกอบกับ มีสัดส่วนการบริโภคด้านพลังงานและอาหารเมื่อเทียบกับรายได้ สูงกว่าค่าเฉลี่ย (3) ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ภาระการชำระหนี้สูงขึ้น หรือการลดยอดหนี้ที่จะช้าลงจากการที่ต้องจ่ายส่วนของดอกเบี้ยสูงขึ้น ทำให้มีส่วนที่ไปลดต้นน้อยลง ภายใต้มูลค่าการผ่อนชำระเท่าเดิม โดย EIC คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นอีกจากปัจจุบันที่ 1.0% ไปเป็น 2.0% ในช่วงปี 2023

ข้อสรุปและนัย

การศึกษานี้พบว่าครัวเรือนไทยที่เปราะบางจากปัญหาหนี้ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 9.4% จากจำนวนครัวเรือนทั้งหมด แม้อาจเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมากนัก แต่หากนับเฉพาะครัวเรือนไทยที่มีหนี้ (51.5% ของครัวเรือนทั้งหมด) จะได้ว่า เกือบราว 1 ใน 5 ของครัวเรือนที่มีหนี้นั้นเป็นครัวเรือนเปราะบางจากปัญหาหนี้หนัก และสัดส่วนดังกล่าวได้มีการเพิ่มขึ้นสูงจากช่วงก่อนหน้า อีกทั้งยังอาจลดลงไม่ได้ง่ายในเวลาอันสั้น มิหนำซ้ำปัญหาค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นก็มีแนวโน้มซ้ำเติมความเปราะบางอีกเพิ่มเติม ข้อค้นพบดังกล่าวบ่งชี้ 4 นัยต่อเศรษฐกิจที่สำคัญดังต่อไปนี้

1. ความเสี่ยงต่อปัญหาหนี้เสียจากสินเชื่อผู้บริโภคยังมีความน่ากังวล แม้ในปัจจุบันสัดส่วนหนี้เสีย (NPL) สำหรับหนี้เพื่อการบริโภคในระบบธนาคารพาณิชย์ยังไม่สูงมากนักส่วนหนึ่งจากการมีมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน แต่ลูกหนี้ถึง 1 ใน 5 ยังมีความเปราะบาง การลดระดับความช่วยเหลือและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้ามีโอกาสส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มนี้ จึงควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เหมาะสมสอดคล้องกับความพร้อมของลูกหนี้ที่ยังค่อนข้างเปราะบางและต้องการเวลาในการปรับตัว

2. ความท้าทายในการแก้ไขปัญหานี้คือข้อจำกัดของครัวเรือน ได้แก่ การขาดสภาพคล่อง ความเปราะบางในครัวเรือนสูงอายุ และการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ ต้องการความช่วยเหลือพิเศษหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการส่งเสริมสภาพคล่องดอกเบี้ยต่ำระยะยาว การปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระ การส่งเสริมการมีงานทำและสวัสดิการสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังต้องการรายได้ นอกจากนี้ การใช้ข้อมูลทางเลือก (alternative data) เช่น ธุรกรรมการโอน การใช้โทรศัพท์ การชำระค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีในการประเมินอนุมัติสินเชื่อ แทนข้อมูลทางการเงินแบบดั้งเดิมอย่างสลิปเงินเดือน Statement บัญชีธนาคาร ก็จะมีส่วนช่วยให้กลุ่มเปราะบางที่จำนวนไม่น้อยไม่ได้มีรายได้ประจำสามารถเข้าถึงการกู้ยืมในระบบได้มากขึ้น ลดปัญหาการขาดแหล่งเงินทุนในยามฉุกเฉิน และปัญหาหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงได้

3. การป้องกันไม่ให้ตกไปเป็นครัวเรือนเปราะบางถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อกลายเป็นครัวเรือนเปราะบางจะใช้เวลานานมากในการแก้ไข และยังเสี่ยงที่จะเจอปัญหาอื่นเพิ่มเติม ดังนั้น สำหรับปัญหานี้การป้องกันมีต้นทุนต่ำกว่าการแก้ไข โดยสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการสะสมเงินทุนสำรองเป็นสภาพคล่อง ยามฉุกเฉินเพื่อป้องกันกรณีการขาดหายของรายได้หรือการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายอย่างฉับพลัน โดยอาจทำควบคู่ไปกับการทำประกันชีวิต สุขภาพ หรือประกันภัย เพื่อป้องกันความเสียหายจากกรณีไม่คาดฝันที่อาจเกิดกับชีวิต สุขภาพ หรือทรัพย์สินที่จะสร้างรายจ่ายก้อนใหญ่ได้ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ อีกสิ่งสำคัญ คือ การมีวินัยทางการเงินโดยเฉพาะในด้านการก่อหนี้ที่ต้องทำอย่างเหมาะสมกับความสามารถในการชำระของตนเอง หลีกเลี่ยงการก่อหนี้เกินตัว โดยเฉพาะหนี้เพื่อการบริโภค หรือควรเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่ให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยหากยึดตามเกณฑ์ทางสถิติ ภาระหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนนั้นไม่ควรเกิน 30% ของรายได้โดยเฉลี่ย

4. นอกจากปัญหาความเปราะบางจากหนี้สูงแล้ว ครัวเรือนไทยอีก 1 ใน 4 ยังประสบปัญหารายได้ต่ำ ที่แม้จะไม่ได้ถูกจัดเป็นกลุ่มเปราะบางจากการมีปัญหาหนี้ แต่ก็ถือว่าอ่อนไหวต่อปัจจัยกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพ และเสี่ยงที่จะตกชั้นกลายเป็นกลุ่มเปราะบาง จึงเป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือและการเพิ่มศักยภาพทางการเงินทั้งด้านการหารายได้และวินัยทางการเงินเช่นกัน

บทวิเคราะห์โดย… https://www.scbeic.com/th/detail/product/household-debt-041122

ผู้เขียนบทวิเคราะห์ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

60

SHARES
Share on Facebook
Post on X
Follow us
  • LINEแชร์เลย!
Tags: scb SCB EIC ครัวเรือนไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ หนี้ครัวเรือนไทย ไทยพาณิชย์

Continue Reading

Previous: ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 4-5 พ.ย.2565
Next: คลังเผยจ.โคราชลงทะเบียนคนจนมากที่สุด

ข่าวอื่นๆ ที่น่าอ่าน

ราคาทอง ราคาทองคำวันนี้ (22 ก.ย. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 10 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 550 1 min read
  • NEWS FOCUS
  • HOT NEWS

ราคาทองคำวันนี้ (22 ก.ย. 68) เปลี่ยนแปลงทั้งหมด 10 ครั้ง ราคาทองปรับขึ้น 550

22/09/2025
ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ผุดสวนใหม่ 6.9 ไร่ปักหมุด “Healthy & Green City” ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ผุดสวนใหม่ 6.9 ไร่ปักหมุด “Healthy & Green City” 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ผุดสวนใหม่ 6.9 ไร่ปักหมุด “Healthy & Green City”

22/09/2025
สทนช.ลดระบายน้ำเขื่อนภูมิพล-สิริกิต์ สทนช.ลดระบายน้ำเขื่อนภูมิพล-สิริกิต์ 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สทนช.ลดระบายน้ำเขื่อนภูมิพล-สิริกิต์

22/09/2025
550920414_1211982274296756_207346188622383791_n ระดม คฝ. 1,400 นาย รับมือกัมพูชาป่วน 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

ระดม คฝ. 1,400 นาย รับมือกัมพูชาป่วน

22/09/2025
549170579_1359145912238181_7563595611167813157_n นิด้าโพล หนุน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คัมแบ็คหัวหน้าประชาธิปัตย์ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

นิด้าโพล หนุน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คัมแบ็คหัวหน้าประชาธิปัตย์

22/09/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 22 ก.ย. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 22 ก.ย. 68

22/09/2025
ดวงประจำวัน ดวงประจำวันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ.2568 1 min read
  • ดวงประจำวัน
  • HOT NEWS

ดวงประจำวันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ.2568

22/09/2025
สรุปข่าวประจำวันที่ 22 กันยายน 2568 สรุปข่าวประจำวันที่ 22 กันยายน 2568 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปข่าวประจำวันที่ 22 กันยายน 2568

22/09/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 21 ก.ย. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 21 ก.ย. 68

21/09/2025
สรุปข่าวประจำวันที่ 21 กันยายน 2568 สรุปข่าวประจำวันที่ 21 กันยายน 2568 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปข่าวประจำวันที่ 21 กันยายน 2568

21/09/2025
ดวงประจำวัน ดวงประจำวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ.2568 1 min read
  • ดวงประจำวัน
  • HOT NEWS

ดวงประจำวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ.2568

21/09/2025
สรุปสถานการณ์น้ำ สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 20 ก.ย. 68 1 min read
  • NATIONAL
  • HOT NEWS

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 20 ก.ย. 68

20/09/2025

China News

แบงก์ใหญ่แห่เพิ่มคาดการณ์ GDP จีน แบงก์ใหญ่แห่เพิ่มคาดการณ์ GDP จีน 1 min read
  • CHINA NEWS
  • HOT NEWS

แบงก์ใหญ่แห่เพิ่มคาดการณ์ GDP จีน

14/05/2025
LINEแชร์เลย! สถาบันการเงินรายใหญ่ได้พากันปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของจีนในปีนี้ หลังจากจีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 พ.ค.)... อ่านต่อ

Start Up

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต 457C5A49-7DCB-4EA0-ACF5-B856D1843534 1 min read
  • HOT NEWS
  • START UP

ธพว. เคียงข้าง ‘เสียงเกษมโซล่าเซลล์’ พาถึงแหล่งทุน หนุนกิจการเติบโต

01/09/2022
LINEแชร์เลย! “ขอบคุณ ธพว. ที่สนับสนุน “เสียงเกษมโซล่าเซลล์” พาเข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องกิจการ ควบคู่กับการให้คำปรึกษา แนะนำธุรกิจ... อ่านต่อ

Money Movement

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80-32.05 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80-32.05 บาท/ดอลลาร์

19/09/2025
กสิกรไทยลุยจีนสแกนจ่ายได้ทุกที่ กสิกรไทยลุยจีนสแกนจ่ายได้ทุกที่
1 min read
  • MONEY MOVEMENT

กสิกรไทยลุยจีนสแกนจ่ายได้ทุกที่

18/09/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์

18/09/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.60-31.85 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.60-31.85 บาท/ดอลลาร์

17/09/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.70-31.95 บาท/ดอลลาร์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.70-31.95 บาท/ดอลลาร์
1 min read
  • MONEY MOVEMENT
  • HOT NEWS

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.70-31.95 บาท/ดอลลาร์

16/09/2025
ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.80-32.05 บาท/ดอลลาร์

กสิกรไทยลุยจีนสแกนจ่ายได้ทุกที่

กสิกรไทยลุยจีนสแกนจ่ายได้ทุกที่

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.60-31.85 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.70-31.95 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 31.70-31.95 บาท/ดอลลาร์

Energy Force

“ไซยะบุรี พาวเวอร์” รับเหรียญชัยแรงงานจาก สปป.ลาว "ไซยะบุรี พาวเวอร์" รับเหรียญชัยแรงงานจาก สปป.ลาว 1 min read
  • ENERGY FORCE
  • HOT NEWS

“ไซยะบุรี พาวเวอร์” รับเหรียญชัยแรงงานจาก สปป.ลาว

11/09/2025
LINEแชร์เลย! บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) บริษัทร่วมในเครือของ บริษัท ซีเค... อ่านต่อ

Politics

550920414_1211982274296756_207346188622383791_n ระดม คฝ. 1,400 นาย รับมือกัมพูชาป่วน 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

ระดม คฝ. 1,400 นาย รับมือกัมพูชาป่วน

22/09/2025
549170579_1359145912238181_7563595611167813157_n นิด้าโพล หนุน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คัมแบ็คหัวหน้าประชาธิปัตย์ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS

นิด้าโพล หนุน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คัมแบ็คหัวหน้าประชาธิปัตย์

22/09/2025
IMG_20250907131310000000 โรดแมป 4 เดือน “รัฐบาลอนุทิน” 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • SPECIAL REPORT

โรดแมป 4 เดือน “รัฐบาลอนุทิน”

19/09/2025

ประเด็นข่าว

EXIM BANK KBANK scb SME D Bank กรมชลประทาน กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงไทย กสิกรไทย กอนช. ข่าวเด่น ข่าวดัง คปภ. ครม. ค่าเงินบาท ดวงประจำวัน ตลาดหุ้น ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธอส. นายฉัตรชัย ศิริไล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ บก.ชวนคุย บางจาก ปตท. ประเมินค่าเงินบาท พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเลเซีย รัฐบาล ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน สถานการณ์น้ำ สรุปข่าวประจำวัน สรุปสถานการณ์น้ำ สิงคโปร์ อาจารย์มงคล รอดเที่ยงธรรม เศรษฐกิจไทย เศรษฐา ทวีสิน แพทองธาร ชินวัตร โควิด-19 ไทยพาณิชย์

Business Movement

คปภ. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยไซเบอร์อุตสาหกรรมประกันภัยไทย คปภ. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยไซเบอร์อุตสาหกรรมประกันภัยไทย 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

คปภ. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยไซเบอร์อุตสาหกรรมประกันภัยไทย

22/09/2025
กสิกรไทย ได้รับเลือกจาก Euromoney ให้เป็นธนาคารที่ดีที่สุดของไทย 2 ปีติดต่อกัน กสิกรไทย ได้รับเลือกจาก Euromoney ให้เป็นธนาคารที่ดีที่สุดของไทย 2 ปีติดต่อกัน 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

กสิกรไทย ได้รับเลือกจาก Euromoney ให้เป็นธนาคารที่ดีที่สุดของไทย 2 ปีติดต่อกัน

22/09/2025
SME D Bank เสริมคึกคัก ในงาน ‘SME D Market’ 25-26 ก.ย. นี้ SME D Bank เสริมคึกคัก ในงาน ‘SME D Market’ 25-26 ก.ย.นี้ 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

SME D Bank เสริมคึกคัก ในงาน ‘SME D Market’ 25-26 ก.ย.นี้

20/09/2025
เปิดรับสมัครแล้ว! PIM International Hackathon #5 ชิงทุนการศึกษากว่า 2 แสนบาท เปิดรับสมัครแล้ว! PIM International Hackathon #5 ชิงทุนการศึกษากว่า 2 แสนบาท 1 min read
  • BUSINESS MOVEMENT

เปิดรับสมัครแล้ว! PIM International Hackathon #5 ชิงทุนการศึกษากว่า 2 แสนบาท

19/09/2025

Recommend

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังสงบ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังสงบ 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังสงบ

16/08/2025
"จุลพันธ์" มั่นใจงบปี 69 เพียงพอรับความเสี่ยง  “จุลพันธ์” มั่นใจงบปี 69 เพียงพอรับความเสี่ยง  1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

“จุลพันธ์” มั่นใจงบปี 69 เพียงพอรับความเสี่ยง 

13/08/2025
ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบ ประชาชนทยอยกลับบ้าน พร้อมเร่งเก็บกู้ระเบิดตกค้าง ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบ ประชาชนทยอยกลับบ้าน พร้อมเร่งเก็บกู้ระเบิดตกค้าง 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบ ประชาชนทยอยกลับบ้าน พร้อมเร่งเก็บกู้ระเบิดตกค้าง

11/08/2025
"ทรัมป์" ยินดี ไทยหยุดยิงกัมพูชา “ทรัมป์” ยินดี ไทยหยุดยิงกัมพูชา 1 min read
  • POLITICS
  • HOT NEWS
  • RECOMMEND

“ทรัมป์” ยินดี ไทยหยุดยิงกัมพูชา

29/07/2025

Photo Stories

ศุลกากร จับมือ รฟท. พัฒนาระบบโลจิสติกส์สู่มาตรฐานสากล ศุลกากร จับมือ รฟท. พัฒนาระบบโลจิสติกส์สู่มาตรฐานสากล 1 min read
  • PHOTO STORIES

ศุลกากร จับมือ รฟท. พัฒนาระบบโลจิสติกส์สู่มาตรฐานสากล

22/09/2025
EXIM BANK คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่นประจำปี 2568”  EXIM BANK คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่นประจำปี 2568”  1 min read
  • PHOTO STORIES

EXIM BANK คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่นประจำปี 2568” 

22/09/2025
กรุงเทพประกันภัยจัดกิจกรรมบริจาคโลหิต อวัยวะ และดวงตาอย่างต่อเนื่อง กรุงเทพประกันภัยจัดกิจกรรมบริจาคโลหิต อวัยวะ และดวงตาอย่างต่อเนื่อง 1 min read
  • PHOTO STORIES

กรุงเทพประกันภัยจัดกิจกรรมบริจาคโลหิต อวัยวะ และดวงตาอย่างต่อเนื่อง

22/09/2025
BAM คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่นประจำปี 2568” BAM คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่นประจำปี 2568” 1 min read
  • PHOTO STORIES

BAM คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่นประจำปี 2568”

22/09/2025
ออมสิน คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น”  ออมสิน คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น”  1 min read
  • PHOTO STORIES

ออมสิน คว้ารางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น” 

22/09/2025
บสย. จัดกิจกรรม “ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 3/2568  บสย. จัดกิจกรรม “ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 3/2568  1 min read
  • PHOTO STORIES

บสย. จัดกิจกรรม “ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 3/2568 

22/09/2025
ทีทีบี คว้ารางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025 ทีทีบี คว้ารางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025 1 min read
  • PHOTO STORIES

ทีทีบี คว้ารางวัลจากเวที Marketing Excellence Awards Thailand 2025

22/09/2025
กรรมการผู้จัดการ ธอส. คว้ารางวัล DAILYNEWS TOP CEO 2025  กรรมการผู้จัดการ ธอส. คว้ารางวัล DAILYNEWS TOP CEO 2025  1 min read
  • PHOTO STORIES

กรรมการผู้จัดการ ธอส. คว้ารางวัล DAILYNEWS TOP CEO 2025 

20/09/2025
กสิกรไทย - DKSH - วีซ่า ผนึกกำลังยกระดับโซลูชันรับชำระเงินครบวงจร กสิกรไทย – DKSH – วีซ่า ผนึกกำลังยกระดับโซลูชันรับชำระเงินครบวงจร 1 min read
  • PHOTO STORIES

กสิกรไทย – DKSH – วีซ่า ผนึกกำลังยกระดับโซลูชันรับชำระเงินครบวงจร

19/09/2025
บางปะอิน โคเจนฯ รับประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์ บางปะอิน โคเจนฯ รับประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์ 1 min read
  • PHOTO STORIES

บางปะอิน โคเจนฯ รับประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์

19/09/2025
EXIM BANK ต้อนรับองค์กรการพัฒนาการส่งออกแคนาดา EXIM BANK ต้อนรับองค์กรการพัฒนาการส่งออกแคนาดา 1 min read
  • PHOTO STORIES

EXIM BANK ต้อนรับองค์กรการพัฒนาการส่งออกแคนาดา

18/09/2025
SCB Academy เปิดตัว “AFAST Smart University” SCB Academy เปิดตัว “AFAST Smart University” 1 min read
  • PHOTO STORIES

SCB Academy เปิดตัว “AFAST Smart University”

18/09/2025
สรรพากรเข้าร่วมการประชุม SGATAR ครั้งที่ 54 ณ เมืองบริสเบน เครือรัฐออสเตรเลีย สรรพากรเข้าร่วมการประชุม SGATAR ครั้งที่ 54 ณ เมืองบริสเบน เครือรัฐออสเตรเลีย 1 min read
  • PHOTO STORIES

สรรพากรเข้าร่วมการประชุม SGATAR ครั้งที่ 54 ณ เมืองบริสเบน เครือรัฐออสเตรเลีย

18/09/2025
การออกรางวัลสลากออมทรัพย์ ธอส. งวดวันที่ 16 ก.ย. 2568 การออกรางวัลสลากออมทรัพย์ ธอส. งวดวันที่ 16 ก.ย. 2568 1 min read
  • PHOTO STORIES

การออกรางวัลสลากออมทรัพย์ ธอส. งวดวันที่ 16 ก.ย. 2568

17/09/2025
กรรมการผู้จัดการ ธอส. เป็นประธานออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ก.ย.68 กรรมการผู้จัดการ ธอส. เป็นประธานออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ก.ย.68 1 min read
  • PHOTO STORIES

กรรมการผู้จัดการ ธอส. เป็นประธานออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ก.ย.68

16/09/2025

บก.ชวนคุย

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568 1 min read
  • HOT NEWS
  • EDITOR TALK

บก.ชวนคุย วันที่ 25 ก.พ.2568

25/02/2025
LINEแชร์เลย! บก.ชวนคุย เรื่องที่ 4,391 แอพเงินกู้แหล่งทุนยุคเศรษฐกิจดิจิทัล  ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความท้าทายทางการงาน การเงิน คนไทยมากกว่า... อ่านต่อ

ติดต่อเรา

สนใจร่วมงานกับเรา Aec10news.com คลิ๊กติดต่อเรา รับซื้อ..รายงาน สกู๊ป บทความ รายได้สูง !!!

  • Facebook
  • Twitter
สงวนลิขสิทธิ์ © 2560 เว็บไซต์ AEC10NEWS.COM