สรุปข่าวประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2565
โพลค้าน “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” : นิด้าโพล เผย ความคิดเห็นของประชาชนต่อประมวลกฎหมายยาเสพติดที่ยึดหลัก “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” พบว่า 50.15% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย เพราะ ควรมีบทลงโทษเพื่อป้องกันผู้เสพหน้าใหม่ ผู้เสพอาจกลายเป็นผู้ขายเนื่องจากไม่เกรงกลัวบทลงโทษตามกฎหมาย ขณะที่บางส่วนระบุว่า ผู้เสพไม่มีความตั้งใจที่จะเข้ารับการบำบัดตั้งแต่ต้นอาจกลับมาติดยาเสพติดซ้ำ 20.31% ระบุว่า เห็นด้วยมาก เพราะ ผู้เสพอาจเป็นผู้หลงผิดจึงควรได้รับการบำบัดรักษา เป็นการให้โอกาสในการปรับตัวกลับเข้าสู่สังคม และผู้เสพที่เป็นเยาวชนมีจำนวนมากควรใช้วิธีการบำบัดแทนการจำคุก
แจ้งความแอ๊ด บาว :
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้มอบหมายให้ นายเดชะ สิทธิสุทธิ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี และนิติกรชำนาญการ เข้าแจ้งความเอาผิด แอ๊ด คาราบาว กับ ร.ต.อ.หญิง อัจฉรี วุฒิวัฒนา รอง สว.(สอบสวน) สภ.สองพี่น้อง โดยมี พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้เดินทางมา ติดตามคดีนี้ด้วยตนเอง ทั้งนี้แม้ “แอ๊ด คาราบาว” ซึ่งออกมากล่าวขอโทษทางโซเชียล แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ในฐานะ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ซึ่งต้องรักษาเกียรติยศของตัวเองด้วย
ชูวิทย์ เทียบโน๊ต-แอ๊ด :
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า พี่แอ๊ดน่าจะทราบ ประเทศไทยเป็นระบบ “ราชการเป็นใหญ่” ศิลปินอย่างพี่แอ๊ดหากวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ก็ไม่ต้องมานั่งขอโทษขอโพย สำนึกผิด ดูอย่าง โน๊ส อุดม หากไปอยู่เมืองนอกเมืองนา เขายกย่อง เพราะกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่พออยู่เมืองไทย ทั้งรัฐบาล ทั้งกองเชียร์ ออกมาดิ้นพล่านปกป้อง
กรณ์ขึ้นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า :
พรรคชาติพัฒนากล้า ประชุมใหญ่สามัญเพื่อจัดทัพกรรมการบริหารพรรค สู้ศึกการเลือกตั้ง เลือกนายกรณ์ จาติกวณิช ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ดำรงตำแหน่งประธานพรรค นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ และนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เป็นผู้อำนวยการศูนย์ดำเนินการเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการบริหารพรรคเดิมหลายตำแหน่งยังคงดำรงตำแหน่งเดิม
เตือนแก้ 112 :
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลประกาศนโยบาย แก้ไขมาตรา 112 ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่า พรรคไม่มีนโยบายที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์ ยึดมั่นในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื้อหาสาระสำคัญของมาตราดังกล่าวนั้น ไม่ได้ไปสร้างความเสียหายความไม่เป็นธรรมให้กับใคร ต้องมองที่การกระทำของบุคคลมากกว่าตัวบทกฎหมาย หากมีการกระทำที่เป็นความผิดก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย และเป็นการกระทำความผิดส่วนตัว ไม่ใช่กฎหมายมีปัญหา ความคิดและการกระทำของคนต่างหากที่มีปัญหา เมื่อมีการก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ผิดถูกก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
