ต่างชาติแห่ลงทุนคอนโดฯ พัทยารับอีอีซี
ตลาดอสังหาฯปี 62 ส่ออ่อนแรง ทั้งผลกระทบเทรดวอร์ และ LTV ชี้เมืองพัทยา เติบโตต่อเนื่อง ตลาดปล่อยเช่ายังได้ยิวด์ที่สูง เผยคอนโดฯในโควต้าคนไทยต้องใช้เวลาระบาย 2-3 ปี จับตาทุนข้ามชาติแห่ปักหมุดพัทยา แห่ผุดคอนโดฯ
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่า อสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัยยังอยู่ในภาวะชะลอตัวโดยผู้ซื้อคนไทยจะได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) และการเมืองในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน (เทรดวอร์) ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุน มีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้ดูแล โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในพื้นที่หัวเมืองท่องเที่ยว ที่ยังมีกำลังซื้อ (ดีมานด์) อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ในพื้นที่กทม. ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซัพพลายที่มาก ทำให้ปล่อยเช่าได้เพียง 60-70% เท่านั้น ขณะที่ผลตอบแทน (ยิวด์) ที่ได้เพียง 3% เท่านั้น
ในขณะที่ซัพพลายในหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะพัทยา กำลังเติบโต ทั้งด้วยทำเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และอยู่ในเมืองที่อยู่ในกรอบของการลงทุนใน โครงการอีอีซี หากซื้อเพื่อปล่อยเช่าจะได้ผลตอบแทนปีละ 7-8% โดยนักลงทุนที่เข้าไปซื้ออสังหาฯพัทยา จะเป็นคนไทยและต่างชาติในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยนักลงทุนจากจีนเข้ามาซื้อเพื่อการลงทุนมากที่สุด สัดส่วน 60-70% รองลงมาเป็น สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย และตะวันออกกลาง
“ในช่วง 5 เดือนแรกของปี62 มีซัพพลายใหม่จากโครงการใหญ่เข้ามาในตลาดพัทยามากถึง 5-8 โครงการ สร้างอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 50-60 ชั้น รวมประมาณ 1,500-2,000 ยูนิต ในจำนวนดังกล่าวเป็นการพัฒนาโดยนักลงทุนชาวต่างชาติถึง 70-80% ส่วนใหญ่เป็นชาวอิสราเอล,ยุโรป และจีน ที่เน้นขายชาวต่างชาติด้วยกัน ซึ่งได้รับการตอบรับดี แต่การขายที่เป็นโควตาสำหรับคนไทยไม่ค่อยมียอดขายมากนัก คาดต้องใช้เวลาในการระบายสินค้าอย่างน้อย 2-3 ปี”
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ จะเปิดอีกอย่างน้อย 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดฯ ระดับลักชัวรี่ในย่านสุขุมวิท 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “วาลเด้น” (Walden) รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท และโครงการมิกซ์ยูส ย่านจอมเทียน อีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท.