สรุปข่าวประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2565
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (30 ก.ย.) ลดลง 500.10 จุด(1.71%) ปิดที่ 28,725.51 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 54.85 จุด (1.51%) ปิดที่ 3,585.62 จุด หุ้นแนสแดด ลดลง 193.56 จุด(1.73%)ปิดที่ 10,971.22 จุด ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยนปิดตลาด(30 ก.ย.) ที่ระดับ 1,589.51 จุด ลดลง 2.86 จุด (0.18%)มูลค่าการซื้อขาย 62,650.27 ล้านบาท
น้ำมัน :
PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.50 บาท/ลิตร เว้น E85 เพิ่มขึ้น 0.30 บาท/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 1 ต.ค.2565 เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 42.06, GSH95 = 34.65, E20 = 33.54, GSH91 = 34.38, E85 = 31.94, พรีเมียม GSH95 = 40.14, HSD-B7 = 34.94, HSD-B10 = 34.94, HSD-B20 = 34.94, พรีเมียมดีเซล B7 = 43.66 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
บางจากฯ ขอแจ้งปรับราคาน้ำมันขายปลีก ดังนี้ ไฮพรีเมียม ดีเซล S B7 ไม่เปลี่ยนแปลง ไฮดีเซล S B7 ไม่เปลี่ยนแปลง ไฮดีเซล S ไม่เปลี่ยนแปลง ไฮดีเซล B20 S ไม่เปลี่ยนแปลง แก๊สโซฮอล์ E85 S EVO ปรับเพิ่ม 30 สต.ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 S EVO ปรับเพิ่ม 50 สต.ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 S EVO ปรับเพิ่ม 50 สต.ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 S EVO ปรับเพิ่ม 50 สต.ต่อลิตร มีผล 1 ต.ค.65 เวลา 05.00 น. ราคาขายปลีกในกรุงเทพมหานคร ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่น กทม.
ทองคำขึ้น 100 บาท : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 29,700.00 ขายออกบาทละ 29,800.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 29,167.84 ขายออกบาทละ 23,300.00 บาท ราคาทองคำขึ้น 100 เมื่อเทียบกับวันที่ 29 ก.ย.
เงินบาทยังอ่อน : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ ( 30 ก.ย.) ยังอ่อนค่า โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 37.915 บาท บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 38.0679 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ , 42.6508 บาทต่อ 1 ปอนด์, 37.5769 บาทต่อ 1 ยูโร , 26.5870 บาท ต่อ 100 เยน, 4.8757 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาท 26.7567 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 8.2816 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
6 : 3 ตู่ อยู่ ต่อ :
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ โดยศาลมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เห็นว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดลง โดยการนับ 8 ปี เริ่มตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560
ประยุทธ์ ขอบคุณศาล :
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความว่า ขอแสดงความเคารพอย่างสูง ต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน สำหรับกำลังใจและความปรารถนาดี ที่มอบให้ผมมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสให้ผมได้พิจารณาและตระหนักมากขึ้นว่า ผมจะต้องใช้เวลาอันมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาล ในการติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ มากมาย ที่ผมได้ริเริ่มเอาไว้ ให้เดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ โดยผมจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด และใช้ศักยภาพของผมอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นในภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ 3 แกน ที่ผมได้เคยกล่าวไว้ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
ก้าวไกล แถลงการณ์สิ้นหวัง :
แถลงการณ์พรรคก้าวไกล ต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดี “8 ปี ประยุทธ์” ระบุ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ เป็นอีกครั้งที่ทำให้ประชาชนไทยรู้สึกสิ้นหวัง มิใช่สิ้นหวังเพียงเพราะบุคคลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ แต่สิ้นหวัง เพราะคำวินิจฉัยในวันนี้ยิ่งตอกย้ำให้ประชาชนเคลือบแคลงใจ ว่าสถาบันตุลาการของบ้านเมืองที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กลับกำลังปกป้องคุ้มครองการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร มากกว่าปกป้องคุ้มครองหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่
พท.ชี้ ศาลน่าจะมีปัญหา
พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ว่า คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายในการตีความที่นักวิชาการกฎหมาย และสังคมต้องร่วมกันคิดว่าหลักคิดและเหตุผลในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีเหตุผล ที่สอดคล้องกับบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่
จตุพร ปลุกม็อบ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์ ประกาศว่า ขอประกาศจุดยืนว่าพวกเราจะหยุด 3ป. เอาออกจากกระดานการเมืองไทย และนับหนึ่งประเทศไทย จึงขอนัดหมายกับประชาชนที่รักประเทศไทย ที่ไม่ทนต่อความอยุติธรรม วันที่ 2 ต.ค.เวลา 13.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาเพื่อระดมความคิด จัดการ 3 ป. หากใครต้องการอยากไปหา 3ป. ขอให้ไปหาที่ทำเนียบรัฐบาล