สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 4 ก.ย. 65
ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักบริเวณ จ.พังงา (134) จ.สมุทรปราการ (117 มม.) และจ.บึงกาฬ (95 มม.)
เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 4-10 ก.ย. 65 ดังนี้
ภาคเหนือ จ.น่าน ตาก และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคกลาง จ.กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี และสุพรรณบุรี ภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา กระบี่ และภูเก็ต
เฝ้าระวังแหล่งน้ำและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำมากเกินเกณฑ์ควบคุม จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ อ่างฯ แม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ อ่างฯ แควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก อ่างฯ น้ำพุง
จ.สกลนคร อ่างฯ อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น อ่างฯ ขุนด่านปราการชล จ.นครนายก และอ่างฯ นฤบดินทรจินดา จ.ปราจีนบุรี รวมทั้งอ่างฯ ขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีปริมาตรน้ำมากกว่า 80% ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ำทั่วประเทศ
พื้นที่ประสบอุทกภัย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในบริเวณพื้นที่ จ.ตาก อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และระยอง
แม่น้ำสายหลัก น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนแม่น้ำโขง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 52,069 ล้าน ลบ.ม. (63%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 45,528 ล้าน ลบ.ม. (64%) เฝ้าระวังน้ำต่ำกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 1 แห่ง บริเวณภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำสูงกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ แม่งัด แควน้อย ป่าสักชลสิทธิ์ อุบลรัตน์ ขุนด่านปราการชล หนองปลาไหล และบึงบระเพ็ด
กอนช. ติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาหลังจากมีปริมาณฝนตกในพื้นที่ตอนบนและตอนล่างลดลง ปัจจุบัน (วันที่ 3 ก.ย. 65) มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ (สถานี C.2) 1,718 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 3.97 เมตร และมีการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 1,769 ลบ.ม./วินาที โดยกรมชลประทานได้ปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในช่วง 1,650 – 1,750 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้เกิดความสมดุลสำหรับการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา ให้สอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนและตอนล่าง รวมถึงการเพาะปลูกข้าวนาปี ในพื้นที่ลุ่มต่ำที่อยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิต และลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ จึงได้ปรับควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมสำหรับรองรับน้ำเหนือในช่วงต่อจากนี้ไป
ทั้งนี้ กอนช. ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสานการณ์ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น