สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 30 ส.ค. 65
ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักบริเวณ จ.พระนครศรีอยุธยา (192) จ.ราชบุรี (103 มม.) และจ.ตราด (68 มม.)
เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำชีล้นตลิ่ง ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่นมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 30 – 31 ส.ค. 65
เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำมูลล้นตลิ่ง ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ได้แก่ อ.ราษีไศล ยางชุมน้อย อุทุมพรพิสัย เมืองศรีสะเกษ และกันทรารมย์
เขื่อนเเควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากวันละ 200 ลบ.ม./วินาที เป็นวันละ 220 ลบ.ม./วินาที อาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อย
เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได จากวันละ 15 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. อาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำพองและแม่น้ำชี
เขื่อนลำตะโคง จ.บุรีรัมย์ ระบายน้ำประมาณ 167 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่ง ประมาณ 1,100 ไร่
แม่น้ำสายหลัก น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนแม่น้ำโขง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 51,735 ล้าน ลบ.ม. (63%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 45,212 ล้าน ลบ.ม. (63%) เฝ้าระวังน้ำต่ำกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 1 แห่ง บริเวณภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำสูงกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ แม่งัด แควน้อย ป่าสักชลสิทธิ์ อุบลรัตน์ น้ำพุง ขุนด่านปราการชล หนองปลาไหล และบึงบระเพ็ด
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ห่วงใยการบริหารจัดการน้ำเขื่อนเจ้าพระยาและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา หารือร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังเขื่อนเจ้าพระยา
เพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.บางปะหัน อ.เสนา อ.ผักไห่ และ อ.ท่าเรือ โดยเร่งรัดให้เกิดการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้ระดับน้ำไม่ส่งผลกระทบกับประชาชน และให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งกำชับเร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาแนวฟันหลอบริเวณเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ และสั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประสานความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำในการระบายน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาไปทางฝั่งตะวันตก ตะวันออก และท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเชื่อมโยงไปแต่ละจังหวัดที่มีทางน้ำผ่านไปสู่ทะเลซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันระดับน้ำเพิ่มสูงจนส่งผลกระทบต่อประชาชน นอกจากนี้ ปัจจุบัน สทนช. ได้มีการตั้งกลุ่มไลน์ 22 ลุ่มน้ำ โดยผู้แทนจากภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่สามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์น้ำได้ตลอด 24 ชม. เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ กอนช. ได้พิจารณาจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าในพื้นที่ภาคกลาง หลังคาดว่าประเทศไทยจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อาจทำให้มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้องเพิ่มการระบายน้ำ โดย กอนช. จะประเมินและคาดการณ์สถานการณ์น้ำ เพื่อแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังต่อไป