รัฐบาลตะลึง!! คนไทยชื่นชอบบัตรสวัสดิการฯ 97.6%
ผลสำรวจระบุประชาชนเดือดร้อนมากสุดจากปัญหาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ รองลงมาเป็นรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ส่วนมาตรการกระตุ้มเศรษฐกิจที่มีประโยชน์มากที่สุดคือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบรายงานผลการสำรวจความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน พ.ศ.2565 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้จัดเก็บข้อมูลจากผู้นำหมู่บ้าน/ชุมชน ระหว่างวันที่ 15 ก.พ. – 15 ม.ค. 2565 ซึ่ง 5 อันดับแรกของปัญหาความเดือดร้อนคือ ผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ 42.7% , รายได้ไม่พอกับรายจ่าย 26.8%, ว่างงาน/ตกงาน 23.9%, สินค้าราคาแพง 23.3% และค่าครองชีพสูง 15.8%
สำหรับผลสำรวจด้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ต่อคนในหมู่บ้านมากที่สุด คือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 97.6% รองลงมาเป็น โครงการคนละครึ่ง 96.5% ,โครงการม.33 เรารักกัน 74.8% , โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 38.3% ,โครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ 31.1%, ทัวร์เที่ยวไทย 31% และช้อปดีมีคืน 30.1% ส่วนผลสำรวจแนวทางและมาตรการป้องกันให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ได้มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ ฉีดวัคซีนเข็มแรก 81.4%, ปฏิบัติตัวตามมาตรการของสาธารณสุข 80.3%, ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางหากไม่จำเป็น 61.7%, ปิดสถานบริการ/ร้านค้าที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 40% และแจก ATK ให้ทุกครัวเรือน 38%
ขณะเดียวกันสำนักงานสถิติแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนะ เชิงนโยบายที่สำคัญ เช่น ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้, ควรมีการสนับสนุนวิธีการแก้ปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำในพื้นที่การเกษตร เช่น การทำฝนเทียม ขุดลอกหนอง บึง สระเก็บน้ำ และอุโมงค์ผันน้ำ, ควรส่งเสริมและสนับสนุนประชาชนในพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ให้รู้ถึงวิธีการนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์อย่างรู้คุณค่า, ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และควรมีการติดตาม ตรวจสอบ และแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนในระดับพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่