สรุปข่าวประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2565
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (7 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 346.87 จุด (1.12%)ปิดที่ 31,384.55 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 57.54 จุด (1.50%) ปิดที่ 3,902.62 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 256.46 จุด (2.16%) ปิดที่ 12,109.05 จุด ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด(7 ก.ค.) ที่ระดับ 1,562.37 จุด เพิ่มขึ้น 20.58 จุด (1.33%) มูลค่าการซื้อขาย 65,952.95 ล้านบาท
น้ำมันโลก-ไทย : สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 4.2 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 102.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.96 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 104.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปตท.ปรับลดราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซิน โดยปรับลดราคา 3.00 บาท/ลิตร และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ E85 ปรับลดราคา 1.80 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันในกลุ่มดีเซลราคาคงเดิม ส่วนบางจาก แจ้งปรับราคาน้ำมันขายปลีก ดังนี้ ไฮดีเซล B20 S ไม่เปลี่ยนแปลง แก๊สโซฮอล์ E85 S EVO ปรับลด 1.80 บาท ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 S EVO ปรับลด 3 บาท ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 S EVO ปรับลด 3 บาท ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 S EVO ปรับลด 3 บาท ต่อลิตร มีผล 8 ก.ค. 65 เวลา 05.00 น.
ทองคำลง 300 บาท : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 29,850.00 ขายออกบาทละ 29,950.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 29,319.44 ขายออกบาทละ 30,450.00 บาท ราคาทองคำลง 300 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 6 ก.ค.
เงินบาทยังอ่อนค่า : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (7 ก.ค.) ยังอ่อนค่า เมื่อเทียบกับวันที่ 6 ก.ค.โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 36.190 บ บาท บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 36.3622 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 43.6499 บาทต่อ 1 ปอนด์, 37.2693 บาทต่อ 1 ยูโร, 27.0326 บาท ต่อ 100 เยน, 4.6585 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 26.0874 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 8.2864 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
เพื่อไทย จ่อส่งศาล ปม หาร 500 :
พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง มติรัฐสภาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2564 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้ง ส.ส.จากระบบจัดสรรปันส่วนผสมมาเป็นระบบคู่ขนานซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ใน พ.ศ. 2554 หลังมติรัฐสภาเห็นชอบสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 พรรคเพื่อไทยจึงขอแถลงให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนได้ทราบถึงการใช้เสียงข้างมากกระทำการตามอำเภอใจ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ และพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นร่างมาตรา 128 ขัดรัฐธรรมนูญต่อไป และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งความเลวร้ายเหล่านี้
ผุด พรรคครอบครัวเพื่อไทย :
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เพื่อไทยอาจจะตัดสินใจตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทย หรือที่หลายฝ่ายเรียกว่าแตกแบงค์พัน ให้พรรคครอบครัวเพื่อไทย ส่งบัญชีรายชื่ออย่างเดียว แล้วพรรคเพื่อไทยส่งเขตอย่างเดียว เพราะหากพรรคครอบครัวเพื่อไทย ได้จำนวนเสียงเกิน 15 ล้านเสียง ก็จะทำให้ได้ ส.ส.พึงมีได้ถึง 214 เสียง แต่ต้องมาคำนวณหาสัดส่วน ส.ส.พึงมี ให้ได้เท่ากับ 100 คนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เช่นเดียวกับปี 2562 ซึ่งจะทำให้พรรคครอบครัวเพื่อไทย ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด
คนกำแพงเพชร เชียร์ ประยุทธ์ อยู่ต่อ :
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะตรวจราชการ จังหวัดกำแพงเพชร โดยได้สักการะศาลหลักเมืองกำแพงเพชร ตรวจเยี่ยมการบริหารงานกล้วยไข่แปลงใหญ่ ณ บ้านท้องคุ้ง หมู่ที่ 7 ตำบลท่าพุทรา อำเภอคลองขลุง ก่อนติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการขจัดความยากจนและพัฒนาทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) และมอบบ้านผู้ยากไร้ ณ ชุมชนตำบลวังบัว ตำบลวังบัว อำเภอคลองขลุง โดยมีประชาชน ถือป้ายให้กำลังใจ ระบุ ว่า ชาวกำแพงเพชร สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนต่อไป
บอริส จอห์นสัน ลาออก :
บอริส จอห์นสัน จะลาออกผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ เขาจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง โดยการชิงชัยตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟคนใหม่จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งผู้ชนะจะได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายในช่วงเวลาของการประชุมพรรคคอนเซอร์เวทีฟในเดือนตุลาคม ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า บอริส จอห์นสัน มีแผนลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หลังจากมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายบริหาร ลาออกไปแล้ว 1 ใน 3