ธอส.เฉือนพันล้านตรึงดอกเบี้ยอุ้มลูกหนี้ฝ่าวิกฤติ
“ฉัตรชัย” ยัน ธอส.ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยทันที ที่ กนง.ปรับดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะพิจารณาตามความเหมาะสมจากฐานะการเงินของธนาคาร มั่นใจปีนี้ กนง.ประชุม 3 ครั้ง ถ้าเดือนส.ค.ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ธอส.จะปรับขึ้นปีนี้ ครั้งเดียวในเดือนต.ค. และไม่เกิน 0.150%
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวยืนยันว่า ธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพียงครั้งเดียวในปีนี้ แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับขึ้นถึง 2 ครั้ง ในปีนี้ก็ตาม ซึ่งจะทำให้ธนาคารสูญเสียกำไรจากการตรึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ประมาณ 1,000 ล้านบาท และในปีหน้า ถ้าหากธนาคารขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพียงครั้งเดียวในไตรมาสแรก คาดว่า จะสูญเสียกำไรอีกประมาณ 1,300 ล้านบาท
“อัตราดอกเบี้ยตอนนี้ เป็นขาขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง และครั้งละเท่าไหร่ในปีนี้ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ กนง.กำหนดการประชุมอีก 3 ครั้ง และนัดล่าสุดจะเกิดขึ้นในเดือนส.ค. ดังนั้น ถ้าหาก กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ธอส.จะปรับขึ้นเพียงครึ่งเดียวของอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น หรือประมาณ 0.125% สูงสุดจะไม่เกิน 0.150% ในเดือนต.ค. และภายในปีนี้ หาก กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นที่ 2 ธอส.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในไตรมาสแรกปีหน้า”
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และในเดือนมิ.ย. (ยังไม่สิ้นเดือน) ปล่อยสินเชื่อไปอีก 20,000 ล้านบาท จึงคาดว่า ตลอดทั้งปีนี้ ธอส.จะปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 280,000-300,000 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปีนี้ จำนวน 226,423 ล้านบาท ดังนั้น ผลพวงของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นมีส่วนช่วยให้ประชาชนตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้น เนื่องจากขณะนี้ ธนาคารยังไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ลูกค้าใหม่จึงยังได้รับอัตราดอกเบี้ยถูกเหมือนเดิม โดยเฉพาะโครงการบ้านล้านหลังอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี คงที่ 4 ปีแรก ส่วนกรณีที่ลูกค้าเก่าแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ 1.ลูกค้าที่ซื้อบ้านตามโครงการของรัฐบาล หรือเข้าร่วมโครงการกับ ธอส. ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงที่มีโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำ และ2.กลุ่มลูกค้าที่หมดโปรโมชั่นแล้ว แต่กลุ่มนี้ แม้จะเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวก็ตาม แต่เป็นเอ็มอาร์อาร์ลบ 1%
นายฉัตรชัย กล่าวว่าตราบใดที่ กนง.ทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธอส.ก็จะเป็นทยอยขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ลูกค้าของธนาคารไม่ต้องกลัวว่า ธนาคารจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว เนื่องจากสูตรในการชำระหนี้ ตลอดอายุสัญญาเช่น 30 ปี ธนาคารได้คิดอัตราดอกเบี้ยเผื่อเอาไว้แล้ว หรือ Cushions ผ่อนส่งจริงอาจจะเหลือระยะเวลาเพียง 25-27 ปีเท่านั้น การที่ธนาคารไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น อาจจะทำให้ใช้ระยะเวลาในการผ่อนส่งนานขึ้นเป็น 30 ปีเท่าเดิมหรือมากกว่านั้นเล็กน้อง โดยแลกกับไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือเพิ่มจำนวนเงินในการผ่อนส่งเงินงวด
ส่วนเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปีนี้ น่าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 ล้านบาทหรือ 0.2% จากปัจจุบันมีเอ็นพีแอลอยู่ที่ 4% ของยอดสินเชื่อสะสม 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน ธอส.มีลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการแก้ไขหนี้ประมาณ 80,000 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้สำรองหนี้สงสัยจะสูญเอาไว้ 100% แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินของธนาคารแต่อย่างใด ซึ่งในตอนแรก คาดว่า ธอส.จะมีกำไรเกินกว่าเป้าหมาย 15% จากเป้าหมายกำไร 13,000 ล้านบาท แต่สุดท้ายเมื่ออัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และราคาพลังงานที่แพงขึ้นทำให้กำไรที่คาดว่าจะได้เพิ่ม 15% หายไปหรือประมาณ 1,950 ล้านบาท หายไปหมดเลย