สรุปข่าวประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2565
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (17 มิ.ย.) ลดลง 38.29 จุด(0.13%) ปิดที่ 29,888.78 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 138.41 จุด (1.24%)ปิดที่ 11,265.99 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 8.07 จุด (0.22) ปิดที่ 3,674.84 จุด ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด(17 มิ.ย.) ที่ระดับ 1,559.39 จุด ลดลง 1.71 จุด (0.11 %) มูลค่าการซื้อขาย 101,339.12 ล้านบาท
น้ำมันโลก : สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ดิ่งลง 8.03 ดอลลาร์ หรือ 6.8% ปิดที่ราคา 109.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 6.69 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ราคา 113.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทองคำเพิ่มขึ้น 450 บาท : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 30,700.00 ขายออกบาทละ 30,800.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 30,153.24 ขายออกบาทละ 31,300.00 บาท ราคาทองคำ เพิ่มขึ้น 450 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 16 มิ.ย.
เงินบาทอ่อนค่าลง : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (17 มิ.ย.) อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับวันที่ 16 มิ.ย.โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 35.228 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 35.3562 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 43.7520 บาทต่อ 1 ปอนด์, 37.4249 บาทต่อ 1 ยูโร, 26.7082 บาท ต่อ 100 เยน, 4.5277 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.7064 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 8.1098 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
ชัชชาติ พบประยุทธ์ ครั้งแรก :
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พบกันครั้งแรก โดยนายชัชชาติ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) หรือ ศบค. นายชัชชาติ กล่าวว่า ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความยินดีกับตนและนายกเมืองพัทยา เพราะถือว่าได้รับตำแหน่งใหม่ด้วยกันทั้งคู่ และขอให้ร่วมมือกันทำงาน โดยขอให้ช่วยกันทำงาน และถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะผู้ว่ากรุงเทพมหานครก็อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทย อยู่แล้ว เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ได้พบนายกฯครั้งแรก นายชัชชาติ กล่าวว่า ก็ดี พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา แต่การคุยกันเราเน้นเนื้องานเป็นหลัก โดยประสานงานกัน เพราะกรุงเทพต้องทำงานร่วมกันรัฐบาลอยู่แล้ว
ศบค.เคาะถอดแมสก์ :
ศบค. เห็นชอบมาตรการการผ่อนคลายการใส่หน้ากากอนามัย โดยแนะนำควรสวมหน้ากากและให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แออัด สถานที่ปิด หรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก ศบค.ยังเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่เป็นสีเขียวทั่วประเทศ ส่วนการบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ให้เปิดบริการได้ตามปกติ โดยต้องปฏิบัติมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ สถานประกอบการประเภท สถานบันเทิง ฯลฯ เปิดให้บริการและให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด
ลดระดับเตือนโควิด
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปรับคำแนะนำการเตือนภัยโควิดจากระดับ 3 เป็นระดับ 2 ทั่วประเทศ การแจ้งเตือนภัยโควิด-19 ระดับ 2 มีคำแนะนำการปฏิบัติตัว โดยเน้นในกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ คือ เข็มกระตุ้น ดังนี้ ให้งดเข้าสถานบันเทิง หลีกเลี่ยงการเข้าสถานที่ระบบปิดหรือแออัด หลีกเลี่ยงการร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มจำนวนมาก
สนธิรัตน์ แนะ แก้น้ำมันแพง :
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย เสนอการสร้างสมดุลการอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่น โดยทบทวนการอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ชั่วคราว นอกจากนี้โดยรัฐต้องเป็นเจ้าภาพในการเข้าไปดูแลและหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่น เพื่อหาจุดตรงกลางที่สามารถเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขร่วมกันได้ ที่สำคัญรัฐไม่ควรปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลเกินเพดานที่สูงเกินไปเพราะจะทำให้ราคาสินค้าต่างๆ ขยับขึ้นตามค่าขนส่งกระทบค่าครองชีพประชาชน ขณะเดียวกันก็ยังกระทบไปถึงต้นทุนและการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ เหมือนวิกฤตซ้ำวิกฤตอีกด้วย