กอช. มอบเกียรติคุณ 7 จ.ส่งเสริมวินัยออม
ปลัดคลังฯชี้ กองทุนการออมฯมีส่วนช่วยสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจชาติ ระบุเงินออมภาคแรงงานรับวัยชราภาพยังมีต่ำมาก เผยความร่วมมือของ กอช.และมท. ช่วยได้เยอะ พร้อมอบประกาศเกียรติคุณให้ “7 ผจว.” ที่มียอดสมาชิก กอช. เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมวินัยการออมระดับพื้นที่สูงสุด ในไตรมาส 1/62
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) กล่าวถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างระบบการออมที่เข้มแข็งว่า สิ่งนี้จะช่วยเสริมเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ รวมถึงรองรับสภาพสังคมของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ
ขณะที่แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ ยังมีปริมาณการออมเพื่อการชราภาพในระดับที่น้อยมาก กอช. จึงเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้แรงงานนอกระบบหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ให้เข้าถึงการออมที่จะเป็นแหล่งรายได้ยามชราที่มั่นคง ได้เหมือนผู้ที่ประกอบอาชีพอื่น โดยต้องอาศัยศักยภาพของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นแรงเสริมสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้แรงงานนอกระบบหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระมาสมัครเป็นสมาชิก กอช. รับเงินสมทบจากรัฐบาลเพื่อออมเป็นบำนาญมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กอช. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ได้จัดการประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อน “โครงการส่งเสริมวินัยการออมกับกอช. ในระดับพื้นที่” และได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่านเข้าร่วมประชุมในฐานะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าว และเริ่มดำเนินการลงพื้นที่ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการเพิ่มสมาชิกกลุ่มเป้าหมายในระดับภูมิภาคนำร่อง ส่งเสริมความรู้ให้กับประชาชน31 จังหวัด ซึ่งมี 7 จังหวัดที่มีการส่งเสริมการออมกับ กอช. มียอดสมาชิกสูงสุดในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ที่ได้ใช้กลไกความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงานจนเกิดผลต่อการออมอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ด้านนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าในการประชุมการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมวินัยการออมกับกอช. ในระดับพื้นที่ โดยการสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทยนั้น นับเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการส่งเสริมวินัยการออมทั่วทุกพื้นที่โดยพร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ ตามนโยบายและแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยและกอช.ได้ร่วมกันวางทิศทางและกรอบการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายการส่งเสริมวินัยการออมเพื่อสร้างความมั่นคงของผู้สูงวัยให้มีรายได้ที่พอเพียงเมื่อถึงวัยเกษียณ ซึ่งประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564
โดยโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับกอช. ได้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับบุคลากรในส่วนราชการหรือหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยที่ไม่ได้รับสวัสดิการเรื่องบำนาญที่จะได้มีเงินเพียงพอ สำหรับใช้ดำรงชีพในยามเกษียณหลังอายุ 60 ปี ได้รับสิทธิสวัสดิการจากรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นแกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อน พร้อมทั้งหน่วยงานท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน ร่วมผลักดันการส่งเสริมวินัยการออมกับกอช. ให้เกิดผลสำเร็จขึ้นในแต่ละพื้นที่ร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับสวัสดิการด้านบำนาญจากรัฐบาลได้เข้าสู่ระบบการออมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน
ซึ่งที่ผ่านมาในไตรมาสแรกของปี 2562 มีจังหวัดที่มีสมาชิกกอช. เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายมากกว่าร้อยละสิบถึง 7 จังหวัดแล้วหลังจากนี้กระทรวงมหาดไทยจะเร่งขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมวินัยการออมกับกอช. ในระดับพื้นที่ให้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าถึงการออมกับกอช. เพิ่มมากขึ้นต่อไปและกระทรวงมหาดไทยมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการให้ประชาชนได้เข้าถึงสวัสดิการจากรัฐบาลในการออมเงินกับกอช. ไว้ใช้หลังอายุ 60 ปี
ขณะที่นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ กอช. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ร่วมกันผลักดันให้กลุ่มประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบการออมที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเงินสมทบ ตามช่วงอายุได้มีเงินสวัสดิการและเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้ดำรงชีพในยามเกษียณหลังอายุ 60 ปี ตลอดจนสัมฤทธิ์ผลได้ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคมอันเป็นประเด็นหลักสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพด้านการจัดสวัสดิการพื้นฐานของรัฐบาลที่จะนำไปสู่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไตรมาส 1 ปี 2562 นี้ มีจังหวัดที่มียอดสมาชิกกอช. เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายมากกว่าร้อยละสิบทั้งสิ้น7 จังหวัด ได้แก่ จ.นครสวรรค์ จ.กาฬสินธุ์ จ.อุทัยธานี จ.ตราด จ.สงขลา จ.ร้อยเอ็ด และจ.ตรัง ที่เป็นจังหวัดมีการส่งเสริมวินัยการออมให้กับประชาชนในจังหวัดที่ดี และต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันส่งเสริมให้คนไทยมีเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้จ่ายหลัง 60 ปี
สำหรับ ผู้สนใจสามารถสมัครสมาชิกกอช. ได้ตั้งแต่อายุ 15 – 60 ปี ที่ไม่มีสวัสดิการจากรัฐบาล ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, มาตรา 39, มาตรา 40 ทางเลือก 2, มาตรา 40 ทางเลือก 3 ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และไม่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีจำนวนกว่า 21 ล้านคนทั่วประเทศ จะได้เติมเต็มเงินออมหลังเกษียณเป็นรายเดือน เพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงทางการเงิน
ทั้งนี้ กอช. ยังมีช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก และผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “กอช” เพื่อสมัครสมาชิกดูข้อมูลบัญชีเงินออมและใช้ตรวจสอบสิทธิการสมัครสมาชิก ได้ทั้งระบบ iOS และ Android หรือที่ www.nsf.or.th หรือที่หน่วยรับสมัครของกอช. ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่งอาทิธนาคาร ธ.ก.ส. ธอส. ออมสินและกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ ตู้บุญเติม เทสโก้โลตัส รวมทั้งสำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชนและเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลสายด่วนเงินออม 02-049-9000.