“ลวรณ” ย้ำยังเพิ่มสลากดิจิทัลได้
สำนักงานสลากฯ ปลื้มเปิดขายสลากดิจิทัล เพียง 5 วัน (2มิ.ย.-6มิ.ย.) หมดเกลี้ยง 5.27 ล้านฉบับ คนไทยแห่ซื้อทะลุ 1 ล้านคน มั่นใจฝ่ายการเมืองและบอร์ดสลากฯ ประสานเสียง สลากดิจิทัลสร้างสมดุลทางด้านราคา ไม่เป็นต้นเหตุให้ผู้ค้าสลากรายย่อย โดยเฉพาะผู้ค้าสลากคนพิการขายไม่ออก “ลวรณ” ย้ำมีสลากอีกกว่า 6 ล้านฉบับจ่อขายผ่านแอปฯ เป๋าตัง
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา พร้อมนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และพันโทหนุน ศันสนาคม ร่วมกันแถลงความคืบหน้ามาตรการในการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา และการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์ม หรือสลากดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นภาพรวมในการทำงานของรัฐบาล ที่ทำให้ประชาชนสามารถซื้อสลากในราคา 80 บาทได้
นายอนุชา กล่าวว่า การจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มแอปเป๋าตัง ในช่วง 4 วัน ที่ผ่านมาว่า ประชาชนให้การตอบรับเป็น ไปด้วยดี ระบบมีความราบรื่น เนื่องจากประชาชนมีความเคยชินกับระบบ รวมทั้งประชาชนผู้ซื้อให้ความสนใจ สามารถซื้อสลากตัวเลขที่ต้องการในราคา 80 บาทได้จริง โดยจำนวนสลากทั้งหมด 5,173,500 ฉบับจำหน่ายหมดในช่วงเที่ยงของวันนี้ (6มิ.ย.) ในส่วนของแนวโน้มในการเพิ่มปริมาณสลากจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มนั้น ขอเวลาในการประเมินผลการจำหน่ายและผลตอบรับประมาณ 2 เดือน เพื่อดูว่าในระยะยาวเป็นอย่างไร เพราะการตอบรับในช่วงแรกนี้ อาจได้รับความสนใจเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ และประชาชนสามารถเลือกซื้อเลขที่ต้องการในราคา 80 บาทได้
ทั้งนี้ หากจะต้องมีการเพิ่มปริมาณสลาก ในอนาคตเพื่อให้มีปริมาณสลากเพียงพอที่จะช่วยชี้นำตลาด ให้ราคาโดยรวมลดลงมาเหลือ 80 บาทให้ได้จะต้องเกิดจากความพร้อมของพี่น้องตัวแทนจำหน่ายที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการด้วยความเต็มใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อผู้ค้าสลากใบด้วยจึงต้องประเมินให้รอบคอบก่อน โดยคำนึง ถึงความสมดุลในการปล่อยขายสลากเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมแก่ผู้ค้าสลากใบ ยืนยันวัตถุประสงค์ของการขายสลากดิจิทัลราคา 80 บาท เพราะต้องการแก้ปัญหาสลากเกินราคา และเป็นทางเลือกให้กับประชาชนเท่านั้น ไม่ได้ต้องการเปิดขายเพื่อแข่งกับผู้ค้าสลากใบ
นายอนุชา กล่าวว่า การจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มฯ แอป “เป๋าตัง” เป็นแอปที่รัฐใช้เป็นเครื่องมือในการให้ความช่วย เหลือพี่น้องประชาชน และใช้ในการอุดหนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้การใช้แอปเป๋าตังเป็นที่ยอมรับ ประกอบกับการใช้งานที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีความปลอดภัย และประชาชนคุ้นเคยกับการใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น อีกทั้งสลากที่ซื้อก็มีการบันทึกข้อมูลไว้ แสดงสิทธิในตัวสลาก ไม่ต้องกังวลหากสลากหาย หรือการเรียกร้องสิทธิในตัวสลาก ในส่วนของการขึ้นเงินรางวัล ก็มีความสะดวก โดยสามารถเลือกมารับสลากและขึ้นที่สำนักงานสลากฯ ด้วยตนเอง หรือโอนเงินผ่านบัญชีที่ผูกไว้กับธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งตนยืนยันว่าการกำหนดค่าธรรมเนียม และค่าอากรแสตมป์ในการโอนเงินรางวัลผ่านบัญชีธนาคารนั้น ดำเนินการเช่นเดียวกับที่ใช้ในการขึ้นเงินรางวัล อยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการนำสลากไปขึ้นเงินรางวัลที่สำนักงานสลาก ฯ ซึ่งจะเสียเฉพาะค่าอากรแสตมป์ 0.5% ส่วนการนำสลากไปขึ้นเงินที่ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และธนาคาร กรุงไทย ก็จะเสียค่าธรรมเนียม 1% และ ค่าภาษีอากรแสตมป์ 0.5% ซึ่งในระยะต่อไป จะมีการเพิ่มช่องทางการโอนเงินรางวัลผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น
สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาสลาเกินราคา ที่สำนักงานสลากฯ ดำเนินการอยู่นั้น ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการจุดจำหน่ายสลาก 80 ในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ กว่า 500 จุด และจะเรียกรายสำรองขึ้นมา เพื่อให้มีจุดจำหน่ายโครงการสลาก 80 ให้ครบ 1,000 จุด ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ และโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อจองล่วงหน้า กำลังเร่งดำเนินการคัดเลือกต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.นี้
นายลวรณ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ปิดการจำหน่ายสลากดิจิทัล เมื่อเวลา 23.00 น. มียอดจำหน่ายสลาก 5,085,230 ใบ แลพจำนวนผู้ซื้อสลาก 1,220,000 คน และเปิดจำหน่ายใหม่ในช่วงเช้าของวันที่ 6 มิ.ย.ปรากฏว่า มียอดซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสลากทั้งหมด 5.27 ล้านฉบับ ขายหมดในเวลาประมาณเที่ยง โดยในงวดนี้ สำนักงานสลากฯ จะไม่เพิ่มปริมาณสลากอีกแล้ว การที่จะเพิ่มสลากในสลากดิจิทัล จะพิจารณาเป็นงวดๆ ไป เนื่องจากสำนักงานสลากฯ ยังมีสลากทียึดโควตากลับคืนมาจากผู้กระทำความผิดอีกประมาณ 6 ฉบับที่อยู่ระหว่างทยอยจัดสรรใหม่ ซึ่งในจำนวนนี้ สามารถนำมาเป็นสลากดิจิทัลได้ทั้งหมด