ชี้ธุรกิจประกันเจอความเสี่ยงบนความเปลี่ยนแปลง
คปภ.จัดสัมมนาวิชาการ Thailand Insurance Symposium 2019 ครั้งที่ 6 หวังสร้างความยั่งยืนแก่ธุรกิจประกันภัย พ่วงการสร้างความมั่นใจกับประชาชนผู้เอาประกัน ผ่าน 4 มิติหลัก ชี้ธุรกิจประกันภัยกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงหนัก แถมมีความเสี่ยงใหม่ๆ ให้ต้องท้าทาย
“สำนักงาน คปภ. กำหนดให้ปีนี้ เป็น “ปีแห่งการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมประกันภัยให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งการจัดงานสัมมนาวิชาการด้านการประกันภัยครั้งนี้ สอดคล้องกับการดำเนินงานและการขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุก เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจประกันภัย โดยมุ่งเน้นสนับสนุนงานวิชาการ งานวิจัยและการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาประยุกต์ใช้เพื่อเคลื่อน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ สร้างความรู้ความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อธุรกิจประกันภัยใน 4 มิติหลัก” ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างเป็นประธานเปิดงาน Thailand Insurance Symposium 2019 ครั้งที่ 6 ณ ห้องบอลรูม 2-3 ร.ร.คอนราด เมื่อช่วงสายวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับมิติหลักทั้ง 4 นั้น ประกอบด้วย มิติแรก คือ การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วยการนำระบบสารสนเทศเข้ามาใช้ลดต้นทุนการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัย, การขาย, การพิจารณารับประกันภัย และด้านการจัดการค่าสินไหม ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้วหลากหลายส่วน อาทิ การจัดตั้ง Center of InsurTech, Thailand (CIT) ศูนย์รวมข้อมูลกลาง แลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีประกันภัยเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัย ฯลฯ ล่าสุด เพิ่งเปิดตัว Application “Me Claim” อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา
มิติที่สอง คือ การเสริมสร้างความรู้และการเข้าถึงการประกันภัย ผ่านการพัฒนาช่องทางการสื่อสารต่างๆ ของสำนักงาน คปภ. ให้เข้าถึงประชาชนในวงกว้างมากขึ้น ด้วยการให้ความรู้เชิงรุกผ่านโครงการ คปภ. เพื่อชุมชน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่สอดคล้องกับความต้องการและความเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก ให้สามารถเข้าถึงและนำระบบประกันภัยมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น
มิติที่สาม คือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขัน โดยส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงตลาดประกันภัยในภูมิภาคอาเซียน การจัดตั้งโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการสำหรับธุรกิจประกันภัย (Insurance Regulatory Sandbox) เปิดโอกาสให้บริษัทประกันภัย นายหน้าประกันภัยนิติบุคคล หรือ FinTech Firms ที่ร่วมกับบริษัทประกันภัย หรือนายหน้าประกันภัยนิติบุคคล สามารถนำนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ/หรือลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ
มิติสุดท้าย คือ การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย โดยพัฒนาและยกระดับบุคลากรประกันภัยผ่านสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ทั้งด้านความรู้ จริยธรรม และเพิ่มทักษะด้านการประกันภัยระดับสูงให้แก่บุคลากรประกันภัยทุกฝ่าย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางด้านวิชาการประกันภัย เพื่อให้บุคลากรประกันภัยและประชาชนทั่วไปสามารถใช้ประโยชน์เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ ค้นคว้าข้อมูลด้านการประกันภัย นอกจากนี้ ยังส่งเสริมด้านการวิจัย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมประกันภัยให้ดียิ่งขึ้น โดยให้ทุนวิจัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยแก่ผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ หรือ Regulator ที่อยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV อีกด้วย
“สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ คือ การกำหนดแนวนโยบาย การพัฒนาระบบงานต่างๆ และการพัฒนากฎระเบียบที่รองรับและสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ควบคู่ไปกับการตระหนักถึงความต้องการจากทั้งภาคธุรกิจและสังคมอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมประกันภัยในยุคดิจิทัล ให้มีความทันสมัย สอดรับกับความต้องการของผู้มีส่วนได้เสีย เกิดการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ และประชาชนมั่นใจได้ว่าการทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทประกันภัยจะได้รับการดูแลให้มีความถูกต้อง ปลอดภัย และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน” ดร.สุทธิพล ย้ำและว่า
ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยกำลังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงรูปแบบใหม่ๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง สภาวะโลกร้อน การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลกที่ผันผวน รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ซึ่ง สำนักงาน คปภ.เอง ก็ต้องปรับตัวและนำเอากลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ในการกำกับดูแล และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน พร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนพัฒนาการของระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชน
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญและไม่อาจมองข้ามได้ ก็คือ งานวิชาการและงานวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีการประกันภัย หรือที่เรียกว่า InsurTech เพราะถือเป็นอนาคตของธุรกิจประกันภัยที่ก่อให้เกิดทั้งความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการดำเนินการ ซึ่งงานประชุมสัมมนาวิชาการด้านประกันภัยในปีนี้มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาสร้างประโยชน์อย่างสร้างสรรค์และขับเคลื่อนระบบการประกันภัยในเชิงรุก และเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความเห็นเกี่ยวกับงานวิชาการ และการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่มาปรับใช้ในเชิงปฏิบัติ เพื่อเป็นการต่อยอดและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการประกันภัยอย่างยั่งยืน
ด้านนายสุรินทร์ ตนะศุภผล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกลยุทธ์องค์กร คปภ. ในฐานะ “หัวเรือใหญ่” ของการจัดสัมมนาวิชาการครั้งนี้ กล่าวว่า งาน Thailand Insurance Symposium ภายใต้ หัวข้อ “Proactive InsurTech for National Sustainability” นี้ นอกจากจะเป็นการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์โดยวิทยากรผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในด้านประกันภัยและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ การบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Technology Innovation for Agriculture Insurance” โดย Mr. Ajeet Phatak, Head of Agriculture, Munich Re India Branch การบรรยายพิเศษเรื่อง “How InsurTech companies around the world are re-inventing the industry?” โดย Mr. Jinesh Patel, Partner at Dymon Asia Ventures, Singapore และปิดท้ายด้วยการบรรยายพิเศษเรื่อง Insurance innovation cannot happen without successful distribution network โดย Mr. Yuen Tuck Siew, Founder and CEO of Jirnexu, Malaysia
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีพิธีมอบรางวัลผลงานวิชาการให้กับนักศึกษาหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง วปส. รุ่น 8 จำนวน 2 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลผลงานดีเด่น เรื่อง “การพัฒนา Mobile Application เพื่อส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพ ให้ความรู้และสร้างความตระหนักในการทำประกันภัยกับประชาชนอย่างยั้งยืน” และผลงานดี เรื่อง “ระบบข้อมูลสิทธิการรักษาพยาบาลจากกรมธรรม์ประกันสุขภาพ (Private Health Insurance Benefits Bureau)”
อนึ่ง งานวิชาการประกันภัยครั้งที่ 6 นี้ มีผู้เข้าร่วมสัมมนากภาคส่วนต่างๆ ทั้งจากหน่วยงานและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนภายในและนอกประเทศรวมกันกว่า 400 คน.