บอร์ดสลากไฟเขียวเป๋าตังซื้อลอตเตอรี่
คณะกรรมการสำนักงานสลากฯ ดีเดย์ขายลอตเตอรี่ผ่าน แอปฯ เป๋าตัง เริ่มถูกรางวัลงวดแรกวันที่ 16 มิ.ย.นี้ สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.เป็นต้นไป ประเดิมวางสลาก 5 ล้านฉบับ ขายล่อใจ 80 บาท ซื้อได้ไม่อั้น หรือยกทั้งชุดก็ได้ทั้ง หมด แถมยังลุ้นเลขชุด 5 ใบ รางวัลที่ 1 รวยรับ 30 ล้านบาท
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังประชุมคณะ กรรมการ (บอร์ด) สำนักงานสลากฯ ว่า ล่าสุด ธนาคารกรุงไทยได้พัฒนาแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยจะใช้แอปพลิเคชันของภาครัฐคือ “แอปถุงเงินและแอปเป๋าตัง” เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่ตัวแทนจำหน่าย (โควตา) หรือผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ สามารถเข้าไปเป็นร้านค้าในแอปถุงเงิน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในแอปเป๋าตังได้ ซึ่งปัจจุบันประชาชนใช้งานแอปเป๋าตังประมาณ 30 ล้านบัญชี โดยงวดวันที่ 16 มิ.ย.นี้ ทางสำนักงานสลากฯ จะเปิดจำหน่ายเป็นแรก โดยประชาชนสามารถซื้อสลากผ่านแอปฯ เป๋าตั้งได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป ซึ่งเบื้องต้น จะมีสลากจำหน่ายไม่น้อยกว่า 5 ล้านฉบับ หรือเดือนละ 10 ล้านฉบับ
“การจำหน่ายสลากฯ ผ่านแพลตฟอร์ม เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย แต่รูปแบบสลากยังคงเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบใบเหมือนเดิม มีการจำหน่ายสลากฯ ผ่านระบบตัวแทนจำหน่าย และระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ การจัดสรรเงินรางวัลที่ได้รับจากการจำหน่ายสลาก การออกรางวัลเดือนละ2 ครั้งและการจ่ายเงินรางวัล ก็ยังคงไว้ซึ่งในรูปแบบเดิมทุกประการ เพียงแต่รูปแบบใหม่นี้ จะสนองกับความต้องการของประชาชนมากขึ้นมากขึ้น เพราะเราจำหน่ายในราคาฉบับละ 80 บาท ไม่มีบวกเพิ่มหรือคิดค่าธรรมเนียมใดๆ ”
การจำหน่ายสลากบนแพลตฟอร์ม นอกจากจะทำให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสลากได้ในราคา 80 บาทแล้ว ผู้ซื้อยังสามารถเลือกซื้อหมายเลขได้มากขึ้น ถ้ามีหมายเลขที่ต้องกาเหมือนกันรจำหน่าย เช่น 3 ใบ หรือ 5 ใบ (เลขชุด) ก็สามารถซื้อได้ทั้งหมดในครั้งเดียว ดังนั้น ผู้ซื้อสลากฯ มีสิทธิ์ที่จะถูกรางวัลที่ 1 สูงถึง 5 ใบ แถมยังปลอดภัย สะดวกและเชื่อถือได้ เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชันของภาครัฐ เนื่องจากสลากที่ซื้อจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ แสดงสิทธิในตัวสลาก ไม่ต้องกังวลหากสลากหาย หรือการเรียกร้องสิทธิในตัวสลาก อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันตามวิถีดิจิทัลยุคใหม่ ลดความเสี่ยงในการสัมผัสจับเงินสดและตัวสลากตามวิถีใหม่ด้วย
ในส่วนของผู้ขายจะได้ประโยชน์จากการนำสลากมาขายบนแพลตฟอร์ม ที่ทำให้มีช่องทางในการขายเพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการขาย ซึ่งจากเดิมที่อาจจะขายบนแผงหรือเดินเร่ขาย มาเป็นขายบนแพลตฟอร์มซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการขาย เนื่องจากอัตราในการเห็น (eyeballs) เพิ่มมากขึ้น ก็จะมีโอกาสถูกเลือกซื้อมากขึ้นกว่าการวางขายแค่บนแผงของตัวเอง ประกอบกับมีเวลาในการขายมากขึ้น ตั้งแต่ 06.00 น.-23.00 น. ทุกวันจนถึงก่อนเวลา 14.00 น.ของวันออกรางวัล นอกจากนี้ ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค (ผู้ซื้อ) ตามวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันด้วย
พันโทหนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า จะเริ่มทดสอบระบบเป็นการนำร่อง 2 ครั้ง (2 งวด) เป็นระบบปิด โดยครั้งแรก จะทดสอบระบบด้วยการนำสลากงวดวันที่ 16 พ.ค.2565 จำนวนไม่น้อยกว่า 4,500 ฉบับ จากตัวแทนจำหน่ายรายย่อย และสมาคม/องค์กร โดยขั้นตอนจะเริ่มจากการสแกนสลาก 3 – 6 พ.ค.2565 และเริ่มจำหน่าย 10 – 16 พ.ค.2565 และจะทำการทดสอบการจำหน่ายสลากบนแพลตฟอร์ม ครั้งที่ 2 สลากงวด 1 มิ.ย.2565 ด้วยจำนวนสลากเท่าครั้งแรก และมีขั้นตอนเช่นเดียวกัน จากนั้น จะเป็นการจำหน่ายจริง งวด 16 มิ.ย.2565 จำนวนสลากไม่น้อยกว่า 5 ล้านฉบับ โดยจะใช้เวลาในการสแกนสลาก 6 วัน ช่วงวันที่ 27 พ.ค.–1 มิ.ย.2565 และเริ่มจำหน่ายวันที่ 2 มิ.ย.2565 ในเบื้องต้น สำนักงานสลากฯ จะเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายฯ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.2565 เป็นต้นไป โดยผู้สมัครจะต้องเป็น ตัวแทนจำหน่ายสลากรายเดิม หรือผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ปี 2558 ที่ยืนยันรับสิทธิ์ผ่านแอป “เป๋าตัง” แล้ว และผู้สมัครจะต้องลงทะเบียนใช้งาน “ถุงเงิน” และ “เป๋าตัง” แล้ว
สำหรับสลากที่นำมาขายผ่านแอปฯ จำนวน 5 ล้านฉบับ จะมาจากโควตาสลากที่ยึดจากผู้กระทำความผิดในที่ผ่านมา แล้วนำมากระจายให้กับผู้ค้าสลากฯ ที่ต่อสัญญาใหม่ของปี2558 โดยผู้ค้าภายใต้สัญญาใหม่ทั้งหมดยินยอมที่จะขายผ่านแอปฯ นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ ยังเปิดให้ตัวแทนจำหน่าย (โควตา) และผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ไม่ต้องการนำไปสลากไปขายเอง แต่เอามาฝากไว้ที่แอปฯ สำนักงานสลากฯ จะต่อสัญญาให้ใหม่ทันทีเป็นระยะเวลา 1 ปี ไม่ต้องเสี่ยงจับสลากเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือเสี่ยงกดชิงสลากจากตู้เอทีเอ็มอีกต่อไป ซึ่งในอนาคต หากประชาชนต้องการซื้อสลากผ่านแอปฯ มากขึ้น และมีผู้ค้าสลากนำสลากมาฝากขายผ่านแอปฯ มากขึ้น สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มปริมาณขึ้นเป็น 10 ล้านฉบับหรือ 30 ล้านฉบับก็ได้ ซึ่งวิธีการนี้ จะทำให้ผู้ค้าสลากเกินราคาลดลงและการกดสลากจากตู้เอทีเอ็ม ยากมากขึ้นเนื่องจากปริมาณสลากฯ มาอยู่ในฝั่งแอปฯ หมด