ภาคีชาวไร่ยาสูบค้าน สธ. แบนส่วนประกอบบุหรี่ กร้าวหากรัฐบาลไม่เห็นหัวชาวไร่
ภาคีชาวไร่ยาสูบค้านร่างกฎกระทรวงของ สธ. กำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบฯ ชี้มุ่งทำร้ายรากหญ้า ทำรายได้ชาวไร่ทั้งประเทศหาย 1.2 พันล้าน แถมรัฐสูญภาษีรวมกว่า 9 หมื่นล้าน จี้ “คลัง-สรรพสามิต” คัดค้านเต็มที่
นายล้วน ร่องกล้า ชาวไร่ยาสูบจ. แพร่ เผยกับผู้สื่อข่าวหลังมีข่าวกระทรวงสาธารณสุขส่งกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบฯ ไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ว่า “การแบนส่วนประกอบในบุหรี่เป็นมาตรการที่สุดโต่ง และไม่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพได้จริงอย่างที่กระทรวงสาธารณสุขอ้าง แต่เป็นการพุ่งเป้าทำร้ายชาวไร่ยาสูบ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาการขึ้นภาษีบุหรี่มาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาด้วย เพราะกฎหมายนี้ห้ามการใส่ส่วนประกอบและสารปรุงแต่งทั้งหมดในบุหรี่ ทั้งๆ ที่สารปรุงเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ให้เกิดรสชาติขนมหวาน หรือผลไม้แต่อย่างใด ซึ่งการแบนแบบสุดโต่งจะทำให้บุหรี่ที่ผลิตในประเทศไทยอยู่ขณะนี้ต้องโดนถอดออกจากตลาด ไม่สามารถขายได้อีกต่อไป แถมบุหรี่เถื่อนจะทะลักเข้าไทย ชาวไร่ก็จะไร้อาชีพทำกิน นี่คือการที่รัฐบาลกำลังซ้ำเติมและทำลายอาชีพการทำยาสูบที่อยู่คู่กับประเทศไทยมากกว่า 80 ปี”
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรอง และอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. … ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ขายในไทยจะต้องไม่มีส่วนประกอบของสารที่ใช้ในการปรุงแต่งรสและกลิ่นทุกชนิด รวมถึงสารแต่งกลิ่นธรรมชาติ อาทิเช่น เครื่องเทศ ขิง อบเชย และเมนทอล รวมทั้งกัญชาและกัญชงก็ใส่ไม่ได้
“เรายังมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ของการออกกฎหมายแบนส่วนประกอบทั้งหมดในบุหรี่ มีแต่สร้างผลเสียให้กับอุตสาหกรรมในวงกว้าง ทั้งการยาสูบฯ ร้านค้าอีกหลาย 500,000ร้าน เพราะบุหรี่ถูกกฎหมายที่วางจำหน่ายในตลาดจำเป็นต้องใส่ส่วนประกอบและสารปรุงแต่งในการผลิต หากห้ามการปรุงแต่งสารทุกชนิด ก็เท่ากับไม่ให้มีการผลิตหรือขายบุหรี่เลย สุดท้ายแล้วคนสูบบุหรี่ก็จะเปลี่ยนไปสูบยาเส้นหรือบุหรี่เถื่อนแทน ซึ่งรัฐบาลก็จะขาดรายได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษี อบจ ภาษีเพื่อมหาดไทย และอื่นๆ รวมประมาณ 9 หมื่นล้านบาท แถมชาวไร่กว่า 30,000 ครัวเรือนใน 15 จังหวัดต้องไร้อาชีพ เพราะไม่สามารถปลูกและขายใบยาได้อีก เท่ากับเงินกว่า 1,200 ล้านบาทจากการขายใบยาตามโควตาให้การยาสูบฯ ซึ่งเป็นเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นจะสูญหายไปจากชุมชนอีกด้วย” นายล้วนกล่าว
ด้านนายสัน หารสุโพธิ์ ตัวแทนสมาคมชาวไร่ยาสูบเตอร์กิซ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราทราบว่า สธ พยายามผลักดันเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือน เมษายน 2564 โดยไม่เชิญเราเข้าทำประชาพิจารณ์ทั้งที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบ เราจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ส.ส. ในพื้นที่ปลูกยาสูบกว่า 20-30 ท่าน และเคยได้ไปชี้แจงผลกระทบต่อชาวไร่ใน กมธ. แก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรมของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งพวกเรามีความกังวลมากและอยากให้ รมต. คลัง และกรมสรรพสามิตซึ่งเป็นผู้ดูแลชาวไร่ยาสูบ และการยาสูบแห่งประเทศไทยออกมาคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพื่อช่วยรักษาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไร่”
“อยากถามไปยังแกนนำรัฐบาล เช่น หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าก่อนที่จะเห็นชอบเรื่องนี้ ได้ดูหรือไม่ว่าประเทศอื่นเค้าทำกันอย่างไร มีแผนรองรับหรือยังว่าจะหารายได้จากตรงไหนมาชดเชยภาษีหลายหมื่นล้านที่หายไป และมีแนวทางช่วยเหลือชาวไร่ที่ปลูกยาสูบ 3 หมื่นครอบครัวที่เป็นรูปธรรมอย่างไร จะให้ชาวไร่เปลี่ยนไปปลูกกัญชาก็คงไม่ได้ เพราะชาวบ้านที่ปลูกกันเองแค่ 1 ต้นก็ยังโดนจับอยู่เลย และก็ติดขัดเรื่องต่างๆ อีกมาก ถ้ารัฐบาลไม่เห็นหัวชาวไร่ยาสูบ 3 หมื่นครอบครัวกันขนาดนี้ ชาวไร่ยาสูบในอีสานและจังหวัดอื่นก็พร้อมแสดงออกถึงจุดยืนของเรา เวลาเข้าคูหาเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้”