คลังขยายเงินกู้พิโกไฟแนนซ์เป็น 1 แสนบาท
ครม.รับลูกกระทรวงการคลัง สั่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ขยายเพิ่มวงเงินสินเชื่อจากเดิม 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท พร้อมสั่งเพิ่มทุนผู้ประกอบเป็น 10 ล้านบาท แยกอัตราดอกเบี้ยส่วนที่เกิน 50,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 36% ต่อปี
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการของกระทรวงการคลัง ว่า การตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) และการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำกรุงเทพมหานครและประจำจังหวัด พบว่า ประชาชนจำนวนมากยังคงมีความต้องการขอสินเชื่อมากกว่า 50,000 บาท เพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็น หรือใช้เป็นเงินทุนในการประกอบอาชีพ หรือใช้ชำระหนี้นอกระบบให้ครบถ้วน
ดังนั้น การกำหนดวงเงินสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ไว้เพียง 50,000 บาท อาจเป็นข้อจำกัดให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ตามความจำเป็นของตนแม้จะมีศักยภาพในการชำระหนี้คืนก็ตาม กระทรวงการคลังจึงได้กำหนดแนวทางในการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับความต้องการทางการเงินของประชาชนผู้ใช้บริการ โดยได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแนวทางการปรับปรุงดังกล่าว ในคราวประชุมเมื่อวันอังคารที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ที่จะปรับปรุง ดังนี้
1. วงเงินสินเชื่อ ได้ขยายเพดานวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จะสามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชน จากเดิม 50,000 บาทต่อราย เป็น 100,000 บาทต่อราย และ 2. ทุนจดทะเบียน แยกเป็น 2.1 ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่ประสงค์จะให้สินเชื่อแก่ประชาชนไม่เกิน 50,000 บาท ต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท และ 2.2 ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่ประสงค์จะให้สินเชื่อแก่ประชาชนไม่เกิน 100,000 บาท ต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์อยู่เดิม หากประสงค์จะให้สินเชื่อในวงเงินเกินกว่า 50,000 บาทต่อราย ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นเป็นไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงความมั่นคงในการประกอบธุรกิจที่มีการให้สินเชื่อต่อรายในวงเงินที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของ 3.อัตราดอกเบี้ย รวมค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม นั้น กระทรวงการคลังได้กำหนดหลักเกณฑ์ คือ 3.1 วงเงินสินเชื่อ 50,000 บาทแรก อาจเรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate), 3.2 วงเงินสินเชื่อส่วนที่เกินกว่า 50,000 บาท อาจเรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี (Effective Rate)
จากฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 กระทรวงการคลังประเมินว่า การขยายวงเงินสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ในครั้งนี้จะครอบคลุมการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีหนี้นอกระบบได้เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 79 เป็นร้อยละ 92
อนึ่ง กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงประกาศกระทรวงการคลังและประกาศสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหลักการข้างต้น ซึ่งจะให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป และเมื่อประกาศต่าง ๆ มีผลใช้บังคับแล้ว ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์รายเดิม หรือผู้ที่อยู่ระหว่างยื่นคำขออนุญาต และมีความประสงค์จะปรับวงเงินให้สินเชื่อสูงสุดเป็นจำนวน 100,000 บาท สามารถแจ้งความประสงค์ขอปรับเพิ่มทุนจดทะเบียนได้โดยไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด.