EIC เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาส4 ขยายตัวดีเกินคาด
GDP ไทยไตรมาส 4/2021 ขยายตัวสูงกว่าคาดตามการฟื้นตัวของการส่งออก และอุปสงค์ในประเทศ ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคและมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงท้ายของปี
เศรษฐกิจไทย Q4/21 เริ่มฟื้นตัว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 เริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2021 ขยายตัวที่ 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวถึง 1.8% QOQ sa (หลังปรับปัจจัยฤดูกาล) ทำให้ทั้งปี 2021 เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตที่ 1.6% สูงกว่าคาดการณ์จากอุปสงค์สินค้าและบริการที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและส่งออกในช่วงปลายปี การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในแต่ละภาคส่วนยังแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ระดับการฟื้นตัวของแต่ละภาคเศรษฐกิจของไทยยังแตกต่างกันจากผลกระทบของโควิด ในภาพรวมปี 2021 แม้เศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้หลังจากเผชิญกับการระบาดระลอกใหญ่ในช่วงกลางปี แต่ยังเป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากแผลเป็นด้านหนี้ครัวเรือนและตลาดแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยหากพิจารณาแยกตามส่วนประกอบและภาคเศรษฐกิจพบว่า การส่งออกและการบริโภคภาครัฐสามารถฟื้นตัวกลับมาอยู่สูงกว่าระดับก่อนโควิดแล้ว ขณะที่กิจกรรมในภาคการเงินและการก่อสร้างกลับมาอยู่ระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนการระบาด อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของแต่ละภาคส่วนยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาด โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจที่พักและร้านอาหาร |
คาดปี 2022 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร่งขึ้น สำหรับปี 2022 EIC คาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในอัตราเร่งขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 3.2% ตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ทั้งภายในและนอกประเทศ โดยถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปีจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอนและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเป็นปัจจัยฉุดรั้งการใช้จ่ายในประเทศโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน แต่ในภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงฟื้นตัวได้ จากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นในช่วง ครึ่งปีหลัง ขณะที่การส่งออกสินค้าจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย
KEY POINTS
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2021 พลิกกลับมาขยายตัว 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังจากที่หดตัว -0.2% ในไตรมาสก่อนหน้า และหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา เศรษฐกิจไทยขยายตัวถึง 1.8%QOQ sa (หลังปรับปัจจัยฤดูกาล) สำหรับในภาพรวมของปี 2021 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 1.6% หลังจากที่หดตัวหนักถึง -6.2% ในปี 2020
รูปที่ 1 : เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2021 ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีการระบาดในระดับรุนแรงในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
รูปที่ 2 : แหล่งที่มาของการขยายตัว Real GDP (Contribution to contraction) ไตรมาส 4 ปี 2021
ในด้านการใช้จ่าย (Expenditure Approach) การส่งออกสินค้าและการบริโภคภาครัฐขยายตัวได้ในอัตราที่สูง การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐขยายตัวได้ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสินค้าคงเหลือเป็นปัจจัยฉุดสำคัญ
การบริโภคภาคเอกชนพลิกกลับมาขยายตัวที่ 0.3%YOY (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า)หลังจากหดตัว -3.2% ในไตรมาสก่อนหน้า จากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันใหม่ที่ลดลง ส่งผลให้ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค รวมถึงมีการใช้นโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายจากรัฐ โดยในไตรมาสนี้การใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนขยายตัวได้ ส่วนในหมวดอื่น ๆ ถึงแม้จะยังหดตัวแต่ก็หดตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า
การบริโภคภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องที่ 8.1% เร่งตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.5% โดยขยายตัวในทุกหมวดสำคัญ โดยเฉพาะการโอนเพื่อสวัสดิการสังคมที่ไม่เป็นตัวเงินสำหรับสินค้าและบริการในระบบตลาดที่ขยายตัว 38.5% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19
การลงทุนภาครัฐพลิกกลับขยายตัว 1.7% หลังจากที่หดตัว -6.2% ในไตรมาสก่อนหน้าจากการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักรที่ขยายตัวถึง 10% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเบิกจ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ตาม พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ในขณะที่ด้านการก่อสร้างหดตัวเล็กน้อยที่ 0.7% เนื่องจากในไตรมาสนี้รัฐวิสาหกิจยังไม่มีการก่อสร้างในโครงการใหม่ มีเพียงการก่อสร้างในโครงการต่อเนื่อง
การลงทุนภาคเอกชนพลิกกลับมาหดตัว -0.9% จากที่ขยายตัว 2.6% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการลงทุนในด้านเครื่องมือเครื่องจักรหดตัว -0.9% จากการลงทุนในหมวดยานยนต์เป็นหลัก ส่วนการลงทุนด้านการก่อสร้างยังคงหดตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 ที่ -0.9%
มูลค่าการส่งออกสินค้าที่แท้จริงขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นที่ 16.6% จากที่ขยายตัว 12% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก
มูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวชะลอลงที่ 14% โดยยังขยายตัวในทุกหมวดสำคัญ ขณะที่การนำเข้าบริการขยายตัว 28.8% จากค่าบริการขนส่งที่สูงขึ้นอย่างมาก
การส่งออกภาคบริการขยายตัวเร่งขึ้นมากที่ 30.5% จาก 14.7% ในไตรมาสก่อนหน้า จากค่าบริการขนส่งสินค้า ค่าประกอบธุรกิจอื่น ๆ และรายรับจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
ส่วนเปลี่ยนสินค้าคงเหลือถึงแม้ว่าจะปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 303,343 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้การสะสมสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และแผงวงจรที่มีการผลิตมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้งานจากทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ราคาสินค้าที่สูงขึ้นก็ส่งผลทำให้สินค้าคงคลังในไตรมาสนี้มีมูลค่าสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
ด้านการผลิต (Production Approach) ในไตรมาสนี้สามารถขยายตัวได้ทั้งในภาคการเกษตร ภาคการผลิตอุตสาหกรรม และภาคบริการ
ภาคการเกษตรขยายตัว 0.7% ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.2% โดยมียางพารา อ้อยโรงงาน ปาล์มน้ำมัน สับปะรดเป็นปัจจัยหนุน ในขณะที่หมวดปศุสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดและข้าวนาปีที่ลดลงเป็นปัจจัยฉุด
ภาคอุตสาหกรรมพลิกกลับมาขยายตัว 2.6% หลังจากที่หดตัว -1.7% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 3.8% หลังจากที่หดตัว -0.9% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายตัวของอุปสงค์ในสินค้าจากทั้งภายในและนอกประเทศ แต่มีปัจจัยฉุดที่สำคัญจากสาขาการทำเหมืองแร่และเหมืองหินที่หดตัวมากถึง 13.4%
ภาคบริการขยายตัว 1.6% เร่งตัวขึ้นจาก 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้า จากการขยายตัวในสาขาการขายส่ง และการขายปลีก การเงิน การสื่อสาร และการขนส่ง ส่วนสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารหดตัว -4.9% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ -19%
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 เริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยได้รับอานิสงส์จากทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่ลดลง การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงนโยบายในการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้ โดยเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 4 ขยายตัวได้ 1.9% ซึ่งนับเป็นการขยายตัวที่มากกว่าคาด โดยสาเหตุที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 นี้ปรับตัวสูงกว่าที่คาดนั้น เนื่องจากได้แรงสนับสนุนสำคัญจากการส่งออกสินค้า และการบริโภคภาครัฐที่ขยายตัวได้ถึง 8.1% โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกองทุนประกันสังคมสำหรับผู้ป่วยโรค COVID-19 ทำให้ทั้งปี 2021 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้ที่ 1.6% และเป็นที่น่าสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงสินค้าคงเหลือในไตรมาสที่ 4 ปรับตัวลดลง สะท้อนถึงมูลค่าเศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายที่โตสูงกว่ามูลค่าเศรษฐกิจด้านการผลิต สอดคล้องกับการ
ฟื้นตัวของอุปสงค์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายของปี
เมื่อพิจารณาการขยายตัวของเศรษฐกิจรายสาขาพบว่ายังมีความแตกต่างในการฟื้นตัว (uneven) จากผลกระทบจากวิกฤติโควิดอยู่ โดยหากพิจารณาในด้านการใช้จ่าย (Expenditure Approach) พบว่าภาคการส่งออกและการบริโภคภาครัฐ สามารถฟื้นตัวและกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิดได้แล้ว ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศ และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จากภาครัฐ
ในขณะที่ภาคส่งออกบริการ ซึ่งมีการท่องเที่ยวเป็นองค์ประกอบหลักยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงก่อนการระบาดอยู่มาก (รูปที่ 3 ซ้าย) สำหรับในด้านการผลิต (Production Approach) พบว่าบางภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร และการคมนาคมขนส่ง ยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูให้กลับมาสู่ระดับก่อนการระบาดรวมไปถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาด อย่างไรก็ตาม ภาคการเงินและภาคก่อสร้างสามารถฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้ในระดับที่เหนือกว่าช่วงก่อนการระบาดได้แล้ว ณ ปัจจุบัน (รูปที่ 3 ขวา)
รูปที่ 3 : ระดับการฟื้นตัวของแต่ละภาคเศรษฐกิจของไทยยังมีความแตกต่างกัน
สำหรับปี 2022 EIC คาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในอัตราเร่งขึ้นตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งภายใน และนอกประเทศต่อเนื่อง โดยถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปีจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอนและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศเป็นปัจจัยฉุด แต่ในภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงฟื้นตัวได้ เริ่มจากภาคการท่องเที่ยวที่ในช่วงไตรมาสแรกยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่จากทั้งสถานการณ์การท่องเที่ยวโลกที่ยังซบเซาและการชะลอนโยบาย Test & Go ในเดือนมกราคมเพื่อป้องกันการระบาดของทางการไทย แต่ในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวจากชาวจีนในปีนี้ก็ตาม ขณะที่การส่งออกสินค้าจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยในปี 2022 โดยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้แม้ในอัตราที่ชะลอลงตามทิศทางของเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศกำลังพัฒนาที่คาดว่าจะจะขยายตัวในอัตราเร่งขึ้น รวมถึงได้อานิสงส์ใหม่จากการที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ด้านการใช้จ่ายในประเทศจะฟื้นตัวเช่นกันจากกิจกรรมเศรษฐกิจที่จะกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น ตามความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน อัตราการป่วยหนักและอัตราการเสียชีวิตจากโอมิครอนที่ยังอยู่ในระดับต่ำเทียบกับการระบาดในช่วงก่อนหน้า แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น (รูปที่ 4) อีกทั้ง ยังจะได้รับอานิสงส์จากอุปสงค์คงค้าง (Pent-up demand) ของผู้มีกำลังซื้อ นอกจากนี้ การส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนที่ดีขึ้นก็จะส่งผลต่อเนื่องให้การลงทุนและการผลิตในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากระดับนักท่องเที่ยวที่ยังต่ำกว่าช่วงปกติมาก และผลของแผลเป็นเศรษฐกิจจากผลกระทบในช่วงสองปีที่ผ่านมาทั้งในด้านพลวัตการเปิดปิดกิจการที่ยังซบเซาเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติ ตลาดแรงงานที่ยังเปราะบาง และภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ในส่วนการลงทุนของภาครัฐจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากการลงทุนของรัฐวิสาหกิจและการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) แต่แรงส่งจากภาครัฐในภาพรวมจะลดลงจากปีก่อนหน้าตามการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคของภาครัฐภายใต้กรอบงบประมาณที่ลดลง เม็ดเงินราว 1.1 แสนล้านบาทที่จะเหลือจาก พรก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ก็ถือว่ายังน้อยกว่าเม็ดเงินที่ภาครัฐใช้ทำมาตรการเพิ่มเติมในปี 2021
รูปที่ 4 : กิจกรรมการเดินทาง (mobility) ณ ปัจจุบันยังคงอยู่สูงกว่าช่วงการระบาดของเดลตา แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยยังคงมีอยู่หลายประการ ได้แก่ 1) การระบาด COVID-19 ทั้งในไทย และต่างประเทศที่อาจกลับมารุนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะหากมีการกลายพันธุ์หรือเกิดไวรัสสายพันธุ์ย่อยเช่น Omicron BA.2 ที่อาจลดประสิทธิภาพวัคซีนลง 2) ภาวะเงินเฟ้อโลกและภาวะการเงินที่ตึงตัวจากการเปลี่ยนทิศทางนโยบายของธนาคารกลางหลักของโลก จนกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและไทย 3) ผลของแผลเป็นเศรษฐกิจที่อาจมีมากกว่าคาด จนกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในวงกว้าง 4) เศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวมากกว่าคาด ทั้งผลจากนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีหนี้ในระดับสูง และ 5) ความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้นจากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ที่อาจนำไปสู่ปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง
เศรษฐกิจปี 2022 มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้เดิม จากการติดตามข้อมูลทั้งในด้านเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจ ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และข้อมูล mobility พบว่ามีแนวโน้มที่เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1/2022 อาจได้รับผลกระทบจากการระบาดของโอมิครอนน้อยกว่าที่คาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยวที่ทางการเริ่มนำมาตรการ Test & Go กลับมาใช้แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้เศรษฐกิจปี 2022 มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้เดิม โดย EIC จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วงเดือนต้นมีนาคมนี้