“เนอวานา”ลุยอสังหาฯ ปี 62 หว่าน1.7หมื่นล้าน ผุด11โปรเจตก์
” เนอวานา” มองตลาดอสังหาฯยังไม่สดใส ปัจจัยเสี่ยง ดอกเบี้ย กฎเกณฑ์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อโครงการ แต่มองว่าตลาดอสังหาฯระดับบนกระทบน้อย พร้อมลุยเปิด 11 โครงการ 17,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าโครงการเทิร์นคีย์ ร่วมกับแลนด์ลอร์ดพัฒนาโครงการ บริหารการขาย
นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่า ไม่ได้สดใสมากนัก เพราะมีปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ย กฎระเบียบที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อโครงการอสังหาฯ ขณะที่ เศรษฐกิจของไทยังไม่มีการขยายตัวสูงมากนัก ในขณะที่ตลาดอสังหาฯระดับบน จะได้รับผลกระทบน้อยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ราคาแพง ยังคงมีความต้องการจากผู้บริโภคอยู่และยังสามารถเติบโตได้ในอัตราที่ดี.
โดยแผนธุรกิจในปีนี้ จะมีการเปิด 11 โครงการ มูลค่า 17,000 ล้านบาท โดยจะมีแบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ The Most by Nirvana โครงการคอนโดฯที่จะเปิดในปีนี้ จำนวน 2 โครงการ ย่านอิสรภาพและประชาชื่น ราคาขาย 2-6 ล้านบาท/ยูนิต ส่วนโครงการแนวราบจะมี 2 แบรนด์ใหม่ คือ แบรนด์ Nirvana ELEMENT ราคาขาย 8-15 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดย่านบางนาและกรุงเทพกรีฑา พร้อมกับแบรนด์ Nirvana COLLECTION ที่เป็นโครงการบ้านหรูระดับราคา 40-90 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมพัฒนา ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์ใหม่ของโครงการแนวราบจะมาเติมเต็มช่องวางทางการตลาดของแบรนด์ Nirvana DEFINE ระดับราคา 8-16 ล้านบาท และ Nirvana BEYOND ระดับราคา 20 ล้านบาท ในจำนวนโครงการที่เปิดใหม่เป็นโครงการเทิร์นคีย์ (Turnkey Solutions) 4 โครงการ เป็นโครงการที่พัฒนาร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน นอกจากนี้ ยังลงทุนพัฒนาอาคารจอดรถอีก 2 อาคาร จำนวน 700 คัน ซ.เฉยพ่วง ข้างอาคารซันทาวน์เวอร์
สำหรับโครงการเทิร์นคีย์ในปีนี้บริษัทมีแผนพัฒนา 4 โครงการ ได้แก่ อุดร 1 โครงการ, พัฒนาการ, พระราม 9 และบางนา โดยบริษัทมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยในเบื้องต้นจะเน้นการพัฒนาในหัวเมืองหลัก ได้แก่ ขอนแก่น , นครราชสีมา, ชลบุรี, ศรีราชา,เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งโครงการเทิร์นคีย์จะเป็นงานรับสร้างบ้านและบริหารการขาย (Turnkey Solutions) ให้กับเจ้าของที่ดินหรือพันธมิตรที่สนใจ ซึ่งจะต้องเป็นที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาที่มีความต้องการของตลาดรองรับ ซึ่งการร่วมกับพันธมิตรทำให้บริษัทไม่ต้องซื้อที่ดินมารองรับการพัฒนาโครงการในอนาคตมากนัก ทำให้ค่าใช้จ่ายของการลงทุนลดลง
ในส่วนเป้าหมายทางธุรกิจ วางตัวเลขยอดขายไว้ 5,400 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 100% และตั้งเป้าเติบโตของรายได้ 40% จากตัวเลขในปีที่ผ่านมา 2,955 ล้านบาท ซึ่งช่องทางที่หนุนรายได้มาจากการโอนโครงการคอนโดฯ Banyan Tree Residences Chaophraya Riverside Condominium Bangkok มูลค่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนไปแล้วในไตรมาส 4/61 จำนวน ไปแล้ว 1,000 ล้านบาท และจะโอนอีก 2,500 ล้านบาทในปีนี้ นอจากนี้ยังมีรายได้จากโครงการแนวราบ และจากการรับสร้างบ้านและบริหารการขายที่อยู่อาศัยจากที่ดินของเจ้าของ
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนเม.ย.ที่จะถึงนี้จะเปิดให้บริการอาคารจอดรถ Park&Ride รองรับจำนวนรถได้ 720 คัน มูลค่าลงทุน 40-50 ล้านบาท โดยที่บริษัทตั้งเป้าอัตราการใช้ที่จอดรถเฉลี่ย 80% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม เป็นโครงการที่ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า 15% มากกว่าโครงการห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง