M6 เปิดเอกชนซื้อซองร่วม PPP 27ก.พ.นี้
คลังยกทีมพาสื่อเศรษฐกิจชมความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 “บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา” เผยคืบหน้าไปกว่าครึ่ง คาดเปิดให้บริการปี’64 ด้านทางหลวงแจงสัปดาห์หน้าเปิดขายซองประมูล PPP ให้เอกชนบริหารจัดเก็บค่าผ่านทางและสร้างศูนย์พักรถ คาดได้ผู้ชนะที่เสนอราคาต่ำสุดปลายปีนี้
เกินครึ่งทางไปแล้วสำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา หรือทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 (M6) มูลค่าโครงการเฉียด 6 หมื่นล้านบาท กับระยะทางรวม 196 กม. ผิวคอนกรีต 4 ช่องจราจรไปกลับไม่รวมไหล่ทางทางอีกฝั่งละ1 ช่องจราจร ซึ่งในอนาคตจะถูกระดับจนกลายเป็น 6 ช่องจราจรทั้งนี้ ตามแผนการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จ กระทั่งเปิดใช้งานจริงในปี 2564
ล่าสุด กระทรวงการคลัง ภายใต้การนำของนายยุทธนา หยิมการุณ รองปลัดกระทรวงการคลัง พาคณะสื่อมวลชนสายเศรษฐกิจ (ประจำกระทรวงการคลัง) และคณะ มาดูงานพร้อมติดตามความคืบหน้าของโครงการฯ โดยมีตัวแทนจากกรมทางหลวงคอยชี้แจงรายละเอียด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายอภิชาติ จันทรทรัพย์ รองอธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า รัฐบาลลงทุนในโครงการก่อสร้างทั้งระบบ แต่ในส่วนของการบริหารจัดการ ตั้งแต่การจัดเก็บค่าผ่านทางและดูแลซ่อมบำรุง รวมถึงการบริหารพื้นที่ที่เป็นจุดบริการ/พักรถ 8 แห่งนั้น จะเปิดให้เอกชน รวมถึงต่างชาติที่ร่วมกับเอกชนมาไทยมาประมูลเพื่อเข้าดำเนินการ ในลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยแยกสัญญากันเด็ดขาด
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า (27 ก.พ.) กรมฯจะเปิดขายซองประมูลงาน จากนั้นอีก 4 เดือน จะให้เอกชนทำการยื่นซองประมูล คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะได้ผู้ชนะการประมูล ซึ่งเป็นผู้ที่เสนอราคาค่าบริหารจัดการจากภาครัฐต่ำที่สุด
ด้านนายยุทธนากล่าวว่า กระทรวงการคลังในฐานะกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ และดูแลสัญญาโครงการ PPP มองเห็นความสำคัญของโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 และการทำ PPP กับเอกชน เนื่องจากจะช่วยลดภาระการลงทุนในส่วนที่นอกเหนือจากโครงการหลัก เพราะเอกชนที่ชนะการประมูลต้องเป็นฝ่ายลงทุน ละบริหารรายได้ เพื่อนำส่งให้รัฐ โดยรับค่าบริหารจัดการเป็นการตอบแทนกลับไป
“ตัวโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ไม่เพียงจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้สัญจรและผู้ขับขี่พาหนะ หากยังช่วยในการขนส่ง และลดปัญหาการจราจรในช่วงเทศกาลสำคัญ อีกทั้งยังกระจายโอกาสใหม่ๆ ไปยังพื้นที่ที่โครงการพาดผ่าน นอกจากนี้ ยังเป็นการนำศักยภาพของพาคเอกชนมาช่วยในการบริหารจัดการโครงการ ซึ่งน่าจะมีส่วยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับต่างๆ” นายยุทธนาย้ำ.