“มั่นคงฯ”ยันอสังหาฯไม่เกิดฟองสบู่ เดินหน้าเพิ่มพอร์ตธุรกิจเพื่อเช่าหนุนรายได้
“มั่นคงเคหะการ” อสังหาฯแบรนด์ระดับกลาง เผยปีนี้วางเปิดตัว 4 โครงการ ชูแนวคิด Well-Being
เพื่อผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น มูลค่ารวม 4,560 ล้านบาท เตรียมงบซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1,600 ล้านบาท ย้ำเดินหน้าดำเนินธุรกิจอสังหาเพื่อเช่าและการบริการ หวังในอีก 2 ปีข้างหน้า สัดส่วนกำไร 2564 ดันสัดส่วนกำไรเป็น 50/50 เพื่อการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่า จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปีที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์มีการพัฒนาสินค้าออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สินค้าที่มีอยู่ในตลาด ต้องค่อยๆรอการระบายออก ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องของฟองสบู่ แต่เป็นเรื่องของดีมานด์ (Demand) กับซัพพลาย (Supply) รวมถึงมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)หรือ LTV เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ โดยในส่วนของ มั่นคงฯ ค่อนข้างมีผลกระทบน้อย เนื่องด้วยกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรกที่ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเอง (Real demand)
“ นโยบายการพัฒนาโครงการเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ ที่สร้างรายได้หมุนเวียนระยะยาวนั้น เป็นไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้ ส่งผลให้เราสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ต่างหันมาดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์ในการพัฒนาสินค้าและบริการมาตลอด เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค”
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2562 ได้เตรียมงบลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1,600 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการเพื่อขายใหม่จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ บ้านแฝด 1 โครงการ และทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,560 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “การใช้ชีวิตในแบบสุขภาวะที่ดี หรือ Well-Being” เน้นการออกแบบโดยคำนึงถึงสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย ใส่ใจตั้งแต่การวางผังโครงการให้สอดคล้องกับทิศทางลม เพื่อช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การนำนวัตกรรมบ้านเย็นด้วยระบบ Air Flow มาใช้ ตลอดจนการวางฟังก์ชั่นที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในกลุ่มคนทุกวัยเป็นสำคัญ เพื่อให้ทุกพื้นเป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน
ด้านธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการนั้น มีแผนพัฒนาโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่า เพิ่มขึ้นเป็น 173,500 ตารางเมตร(ตร.ม.) ส่วนโครงการ พาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77 คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ ที่สามารถขายและปล่อยเช่าได้แล้วเกือบ 50% ตั้งเป้าปล่อยเช่าเต็มพื้นที่ภายในปี 2562 ขณะเดียวกัน ธุรกิจ สนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ คาดการณ์ปีนี้รายได้โตขึ้น 10% ด้านบริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านดูแลจัดการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ พร้อมรับบริหารโครงการเพิ่ม 10 โครงการ ตั้งเป้ารายได้โตขึ้น 70% จากปี 2561
“ ปีนี้เราเดินหน้าสานต่อนโยบายสร้างความสมดุลของรายได้ ธุรกิจเพื่อขายและธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีเพิ่มขึ้น ตามแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ พร้อมขยับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งให้อยู่ที่ 50/50 ภายในปีอีก 2 ปีข้างหน้า ” นายสุเทพ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,546.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.37% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.31 บาท สามารถแบ่งเป็นรายละเอียดได้ดังนี้ รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ 4,152.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.18% ในขณะที่ยอดรายได้รับรู้จากการให้เช่าและบริการมีทั้งสิ้น 252.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.71% ส่วนรายได้จากการให้บริการของสนามกอล์ฟ 109.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4%.