กคช.ชงสร้าง 87 โครงการบ้านหลวงกว่า 3,000 ลบ.ให้ขรก.อยู่ดี
ครม.อนุมัติโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ของกระทรวงยุติธรรม 87 โครงการ 3,190 หน่วย วงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกคช.เป็นผู้เสนอ ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี เพื่อให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสนองตอบนโยบายของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)และรัฐบาล ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) โดยเฉพาะโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) เป็นการจัดสร้างที่อยู่อาศัยในรูปแบบรัฐสวัสดิการ มุ่งเน้นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาของตน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมในพื้นที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ โดยการเคหะแห่งชาติ เป็นผู้สำรวจและรวบรวมความต้องการที่อยู่อาศัยบ้านหลวงจากส่วนราชการ เพื่อขออนุมัติโครงการแทนส่วนราชการที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยรัฐสวัสดิการ
ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ ได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบในหลักการโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) จำนวน 87 โครงการ รวม 3,190 หน่วย ภายในวงเงิน 3,022.438 ล้านบาท ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว ซึ่งครม.ให้ความเห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา
สำหรับโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ของกระทรวงยุติธรรม จะจัดสร้างบนที่ดินราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลให้กับหน่วยงานในสังกัด 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมราชทัณฑ์ จำนวน 54 โครงการ 2,132 หน่วย กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน 16 โครงการ 672 หน่วย กรมคุมประพฤติ จำนวน 5 โครงการ 182 หน่วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 1 โครงการ 24 หน่วย และกรมบังคับคดี จำนวน 11 โครงการ 180 หน่วย โดยรูปแบบอาคารเป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น ตามแบบมาตรฐานบ้านพักข้าราชการของกระทรวงยุติธรรม
” การเคหะแห่งชาติ จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งหมด จัดสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจสวัสดิการให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยในสังกัด ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอ ครม.ให้พิจารณาอนุมัติในหลักการเพิ่มเติมภายในปี 2562. “