สรุปข่าวประจำวันที่ 14 มกราคม 2565
หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (13 ม.ค.) ลดลง 176.70 จุด (0.49%) ปิดที่ 36,113.62 จุด แนสแดค ลดลง 409.48 จุด (2.57%)ปิดที่ 15,495.62 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 67.33 จุด (1.42%)ปิดที่ 4,659.02 จุด ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด(13 ม.ค.) ที่ระดับ 1,680.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.52 จุด (0.09 %) มูลค่าการซื้อขาย 82,469.00 ล้านบาท
น้ำมันโลก-ไทย :
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 52 เซนต์ ปิดที่ 82.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 84.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร เว้น E85 ปรับขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิด คงเดิม มีผล 14 ม.ค.65 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 40.06, GSH95 = 32.65, E20 = 31.14, GSH91 = 32.38, E85 = 24.64, HSD- B7= 29.84, HSD-B10 = 29.84, HSD-B20=29.84,ดีเซลพรีเมี่ยม B7 = 35.86 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
บางจากฯ ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด +50ส.ต. ยกเว้น E85 +30ส.ต. สำหรับกลุ่มดีเซลทุกชนิด ราคาคงเดิม
BCP Retail Price: GSH95S EVO =32.65 / GSH91S EVO =32.38 / GSH E20S EVO =31.14 / GSH E85S EVO =24.64 / Hi Diesel B20S =29.84 / Hi Diesel S =29.84/ Hi Diesel S B7 =29.84/ Hi Premium Diesel S B7 =35.86 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ กทม.)
ทองคำคงที่ : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 28,600.00 ขายออกบาทละ 28,700.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 28,091.48 ขายออกบาทละ 29,200.00 บาท ราคาทองคำคงที่ เมื่อเทียบกับวันที่ 12 ม.ค.
เงินบาทแข็งค่าขึ้น : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (13 ม.ค.) แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับวันที่ 12 ม.ค.โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 33. 238 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 33.4476 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, 46.0555 บาทต่อ 1 ปอนด์, 38.4527 บาทต่อ 1 ยูโร, 29.4386 บาท ต่อ 100 เยน, 4.3158 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.0250 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 8.0755 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
ตรึงไข่ไก่ :
กรมการค้าภายใน แจ้งว่า ได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ สมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่แปดริ้ว สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี สหกรณ์ผู้ลี้ยงไก่ไข่ลุ่มน้ำน้อย ผู้ผลิตรายใหญ่ กรมปศุสัตว์ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ผู้เลี้ยงไก่ไข่จะให้ความร่วมมือตรึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่ 2.90 บาท ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ตีปี๊บตรึงมาม่า :
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการติดตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนนั้น หลายหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา “มาม่า” เพื่อไม่ให้มีการปรับขึ้นราคามาม่าซองประเภทที่เป็นสินค้ามวลชน และเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดทั้งประเทศ เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน
ลงนามด้านพลังงานกับญี่ปุ่น :
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงาน กับ นายฮากิอูดะ โคอิจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น โดยมีเนื้อหาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยและญี่ปุ่น ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลกจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุน รวมทั้งจะเกิดความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้าน Smart Energy แห่งอนาคตในรูปแบบต่าง ๆ
คลัง ถกแพคเกจ ช่วย ปชช. :
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 ม.ค. จะมีการประชุมในรูปแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงแพคเกจการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ในภาวะสินค้าราคาแพง โดยจะมีการพิจารณาโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เพื่อออกแพคเกจรวม ดูแลช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม