หวั่นข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจเกียร์ว่าง
“สมคิด” บุกทุกกระทรวงเศรษฐกิจ หวั่นข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจใส่เกียร์ว่างในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ขณะที่เศรษฐกิจโลกเผชิญปัจจัยส่งผลลบกับเสียกับเศรษฐกิจไทย แต่มั่นใจปีนี้ เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4% สคร.เผย ช่วง 4 เดือนแรกของงบปี62 รัฐวิสาหกิจเบิกงบลงทุนได้ 3.4 หมื่นบาท หรือคิดเป็น 58% ของเป้าหมาย
“ที่มากระทรวงการคลัง เพื่อรวมประชุมกับ สคร.ในการติดตามงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ เพราะเกรงว่า ในช่วงระยะเวลาที่เหลือก่อนจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะใช้เวลานายนถึงเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ หรือประมาณครึ่งปีแรกของปี2562 จะมีข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจใส่เกียร์ว่าง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ มติ ครม.เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2562 สั่งให้นายสมคิด ที่กำชับดูแลกระทรวงเศรษฐกิจอยู่แล้ว ต้องรับผิดชอบในฐานะ รมว.คมนาคมเพิ่มเติม และยังต้องลงมากำกับกระทรวงเศรษฐกิจเป็นกรณีพิเศษ หลังจากที่ 3 รัฐมนตรีเศรษฐกิจลาออกไปเพื่อลงสู้ศึกเลือกตั้ง
นายสมคิด กล่าวว่า อยากจะขอความร่วมมือให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน เพื่อช่วยพยุงภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และผลจากสงครามการค้าที่กระทบการส่งออก เพราะหากข้าราชการและพนัก งานรัฐวิสาหกิจอาศัยช่วงจังหวะนี้ ใส่เกียร์ว่างกันหมด ก็จะทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักและมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่าง ประเทศ จึงไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“ปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวมากกว่า 4% เล็กน้อย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดและเศรษฐกิจไทยในปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 4% ทำให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีการติดตามงานอย่างใกล้ชิด และคงไม่มีรัฐวิสาหกิจรายใดมาขอลดเป้าหมายในการดำเนินงานได้ เพราะการลดเป้าหมายก็เท่ากับเป็นการลดผลงานหัวหน้าผู้บริหาร หรือCEO ด้วย”
ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ จะต้องไม่เกียร์ว่าง เพราะรัฐบาลนี้ ยังทำงานถึงเดือนมิ.ย. ถ้าหากมีใครเกียร์ว่าง ผมจะไปช่วยใส่เกียร์ให้ นายสมคิด กล่าวและกล่าวว่า
โดยในวันที่ 11 ก.พ.นี้ จะไปตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคม หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ได้ไปตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อไปเร่งรัดงบลงทุนและต้องประคองให้ผ่านครึ่งปีนี้ให้ได้ เพราะเชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ส่วนกรณีสถานการณ์เงินบาทแข็งค่านั้น เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประ เทศไทย (ธปท.) ที่ดูแลอยู่ กระทรวงการคลังคงไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องนี้ และปล่อยให้ ธปท. ดูแลอย่างเต็มที่ เพราะมีข้อมูลและรู้ในรายละเอียดว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
ด้านนางปานทิพย์ ศรีพิมล ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า นายสมคิด ได้ประชุมร่วมกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง รวมทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 18 แห่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายในปี 2562 เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นกลไกหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2562
ทั้งนี้ นายสมคิด ได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจร่วมมือในการลงทุนให้ได้ตามแผนงานและเร่งให้มีการเบิกจ่ายโครง การที่มีอยู่ ให้มาลงทุนในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ให้มากขึ้น โดยให้รัฐวิสาหกิจ และกระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาให้การปรับปรุงกรอบการลงทุนในปี 2562 เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น พร้อมให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำหนดให้มีการพิจารณาการเบิกจ่ายงบลงทุนในการประชุมคณะกรรมการทุกครั้ง และกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของการเบิกจ่ายงบลงทุนในการประเมินผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กำหนดน้ำหนักที่สูงสำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีการลงทุนสูง
“การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ อาจล่าช้าในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งปกติงบลงทุนที่จะเบิกจ่ายได้มากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และ 3 โดยงบลงทุนปี2561 รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายได้ 378,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85% ของ 445,000 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าปีงบลงทุนปี2560 ที่เบิกจ่ายได้84% ส่วนผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปี2562 ในช่วง 4 เดือนแรก (ต.ค.61-ม.ค.62) เบิกจ่ายได้ 34,000 ล้านบาท หรือ 58% จากงบลงทุน 59,000 ล้านบาท สำหรับหน่วยงานที่เบิกจ่ายค่อนข้างล่าช้า เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เป็นต้น”