กกร.โวย สคบ.คุมดอกเบี้ยเช่าซื้อเสี่ยงธุรกิจเจ๊ง
กกร.โวย สคบ.คุมดอกเบี้ยเช่าซื้อเสี่ยงธุรกิจเจ๊ง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. มีข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาหลายประเด็น ซึ่งหนึ่งในนั้น มีผู้ประกอบการด้านสถาบันการเงินเรียกร้องเรื่องสัญญาว่าด้วยการเช่าซื้อ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจาณาของสำนักงานคณะกรรมการคุ้ม ครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดให้เก็บอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 20% ต่อปี จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสถาบันการเงินอย่างแน่นอน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต่ำเกินไป ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะกรรมการ กกร. กล่าวว่า ที่ผ่านมา กกร.ได้เสนอให้ สคบ.ขยายเพดานอัตราดอกเบี้ยสูง จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 15% ขยับให้สูงขึ้น โดยได้เสนอให้ นายสุพัฒน พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ช่วยเจรจาเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ย แต่สุดท้ายก็สามารถปรับเพิ่มขึ้นมาได้เพียง 5% ขึ้นมาเป็น 20% ซึ่งทางผู้ประกอบการมองว่าอัตราดอกเบี้ย ก็ยังต่ำไปเกินไปไม่คุ้มกับการปล่อยสินเชื่อที่มีต้นทุนสูง และมีความเสี่ยงหนี้สูญอีกด้วย
“ตอนแรกที่คุยกัน อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี สำหรับเช่าซื้อรับได้เฉพาะรถยนต์ใหม่เท่านั้น ส่วนรถยนต์มือสองและจักรยาน ยนต์มือสองปล่อยสินเชื่อไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะความเสี่ยงหนี้สงสัยจะสูญ หรือหนี้เสียมากถึง 37% ดังนั้น รองนายกรัฐ มนตรีจึงไปคุยให้ใหม่ แต่ก็ปรับขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อย โดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 20% ต่อปี”
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ข้อเสนอใหม่ของการประชุม กกร.นั้น กรณีรถยนต์ใหม่ อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ 20% รับได้ แต่กรณีรถ ยนต์มือสอง และรถจักรยานยนต์มือสอง ทำไม่ได้อย่างแน่นอน กกร.เสนอปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น กรณีรถยนต์มือสอง อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 24% ต่อปี รถจักรยายนต์มือหนึ่งและมือสอง อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 36% ต่อปี โดยอัตราดอก เบี้ยดังกล่าว มีจุดคุ้มทุนซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นสถาบันการเงินและไม่ใช่สถานบันการเงิน มีความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ลดลง
“ตอนนี้ กฎหมายกำลังอยู่ระหว่างเปิดรับฟันความเห็นจากประชาชนครั้งที่ 2 ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยได้รับน้อยกว่าที่ กกร.เสนอไป เชื่อว่า กลไกลตลาดจะส่งผลให้ไม่มีใครปล่อยกู้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสอง สุดท้ายผู้กู้จะต้องไปกู้เงินนอกระบบอัตราดอกเบี้ยแพงเหมือนกัน”
ส่วนผลประชุม กกร.คาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ในปีนี้ มีความเสี่ยงที่จะขยายตัวเป็นรูปตัวเค (K) ไม่ใช่รูปตัววี (V) เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ะบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจทำให้การฟื้นตัวต่อจากนี้ไปได้รับผลกระทบและต้องล่าช้าออกไป โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังการเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย. ดังนั้น “โอมิครอน” จึงกลายเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปี 2565 โดยในช่วงสิ้นปี ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า เสนอว่า รัฐบาลควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม เช่น มาตรการคนละครึ่งเฟส4 มาตรการช้อปดีมีคืน เป็นต้น