ธอส.เล็งออกสลากใบละ1ล้าน
ธอส.เล็งขายสลากออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาท งวดแรกเริ่มเดือน ส.ค.62 ราคาหน่วยละ 100 บาท และ 500 บาท อายุ 3 ปีและ 5 ปี รางวัลที่ 1 รางวัลละ 20 ล้านบาท พร้อมชูสลาก premium ขายหน่วยละ 1 ล้านบาท เพื่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน ส่วนเงินรางวัลยังไม่ระบุ แต่มีมูลค่ามหาศาล
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวาระที่ 2 และ 3 เมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ในขั้น ตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ และรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ โดยหลังจากที่ พ.ร.บ.ดังกล่าว มีผลบังคับใช้ ธอส.จะเร่งดำเนินการทันที 3 ในเรื่องที่สำคัญ คือ 1.การเปิดจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. 2.การออกพันธบัตร ที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการ (บอร์ด) ธนาคารได้เอง โดยไม่ต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ 3.การให้สิน เชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage)
สำหรับการเปิดจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส.นั้น คาดว่า งวดแรกจะออกภายในวงเงิน 50,000 ล้านบาท ประเภทอายุ 3 ปี และ 5 ปี โดยจำหน่ายราคาหน่วยละ 100บาท และหน่วยละ 500 บาท ซึ่งหาก พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีผลบังคับใช้ภายในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าจะเปิดจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส.ได้ราวเดือน ส.ค.โดยจะมีการออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน โดยมอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้ออกรางวัล หลังจากได้ดำเนินการออกรางวัลสลากกินแบ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“หาก พ.ร.บ.มีผลภายในไตรมาสแรก ธอส.จะมีเวลาเตรียมการประมาณ 5เดือนถึงจะออกสลากได้ งวดแรกในวงเงิน 50,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี และ 5 ปี มูลค่าหน่วยงานละ 100 บาท และ 500บาท ส่วนรางวัลที่จะได้รับยังอยู่ระหว่างการคำนวณต้นทุน ซึ่งเบื้องต้นมองว่า เงินรางวัลที่ 1 อาจจะสูงถึง 20 ล้านบาท แต่รางวัลเลขท้ายก็จะลดลง หรือจะเลือกรางวัลที่ 1 มูลค่า 10 ล้านบาท แต่เงินรางวัลเลขท้ายมีมากขึ้น หรือที่เรียกว่า รวยแบบกระจุก หรือจะเลือกแบบรวยกระจาย โดยขอยืนยันว่า เงินรางวัลจะจ่ายนั้น เป็นเงินสดเท่านั้น เพราะสะดวกและใช้ง่าย ดีกว่าให้รางวัลเป็นบ้าน หรือรถยนต์”
นอกจากนี้ ธอส.ยังมีแนวคิดที่จะจำหน่ายสลากออมทรัพย์ราคาหน่วยละ 1 ล้านบาท (หมายเลขละ 1 ล้านบาท) ซึ่งจัดเป็นสลาก premium โดยต้องการให้ผู้ซื้อสามารถออมเงินระยะยาว หรือเป็นมรดกตกทอดไปถึงลูกหลานได้ ซึ่งการจำหน่ายสลากออมทรัพย์แบบ premium นี้จะมีการเสนอสิทธิประโยชน์ให้มากกว่าผู้ที่ซื้อสลากออมทรัพย์ในราคาทั่วไป ส่วนเงินรางวัลจะมีมูลค่าสูงอย่างแน่นอน แต่จะเป็นเท่าไหร่ยังไม่สามารถตอบได้
ส่วนการออกพันธบัตรนั้น หาก พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีผลบังคับใช้ จะทำให้บอร์ด ธอส.สามารถอนุมัติการออกพันธบัตรได้เอง โดยไม่ต้องรอการขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เหมือนที่ผ่านมาซึ่งทำให้สามารถสะท้อนต้น ทุนอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของตลาดในขณะนั้นได้ดีกว่า
“การออกพันธบัตร จากนี้ไปจะไม่ต้องขอ ครม.แล้ว บอร์ด ธอส.สามารถอนุมัติออกพันธบัตรได้เอง ทำให้ ธอส.มีความรวดเร็วในการออกพันธบัตร ซึ่งมีผลดีต่อดอกเบี้ยในตลาด หากแนวโน้มอัตราดอกเงินเป็นขาขึ้นก็จะสามารถล็อกอัตราดอกเบี้ยได้ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้กู้ที่สามารถตรึงอัตราดอกเบี้ย จากเดิมที่ขั้นตอนในการออกพันธบัตรปกติแล้วกว่าจะถึง ครม.จะใช้เวลาค่อนข้างนาน และไม่สะท้อนดอกเบี้ยในตลาด”
ส่วนการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) นั้น ในชั้นของกรรมาธิการได้มีข้อสังเกตให้ ธอส.ไปปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม เช่น ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย, เครดิตบูโร และการให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่อาศัยได้จนเสียชีวิต เป็นต้น ซึ่ง ธอส.ได้รับที่จะไปปรับปรุงตามข้อสังเกตของกรรมาธิการ โดยในเบื้องต้นจะปล่อยกู้ในสัดส่วน 50% ของราคาสินทรัยพ์ โดยมีอายุการกู้จนถึง 80 ปี แต่หากอายุเลย 80 ปีไปแล้ว ยังไม่เสียชีวิต ธอส.จะใช้ระบบการทำประกันมารับรองความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้กู้สามารถอยู่ในบ้านจนถึงเสียชีวิตได้ ส่วนบ้านและที่ดินจะเปิดโอกาสให้ทายาทซื้อคืน ก่อนเป็นอับดับแรก หากไม่มีทายาทซื้อคืน ธอส.จะขายทอดตลาดต่อไป
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กฎหมายอนุญาตให้ ธอส.ทำได้ จะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงจาก 2.09% ลงมาต่ำกว่า 1.9% ตามต้นทุนที่ถูกลง และอายุของการระดมเงินที่ยาวนานมากขึ้น เช่น พันธบัตร 3 ปีและ5 ปี ซึ่งจะสอด คล้องกับการอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีและ 5 ปีของธนาคาร จากเดิมต้องระดมทุนผ่านเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือนและ12เดือน ที่มีระยะเวลาเพียงสั้นๆ”